พ.ศ.๒๔๕๓ (ร.ศ.๑๒๙) เหรียญรางวัลการแสดงกสิกรรม แล พานิชการ ร.ศ. ๑๒๙






พ.ศ.๒๔๕๓ (ร.ศ.๑๒๙) เหรียญรางวัลการแสดงกสิกรรม แล พานิชการ ร.ศ. ๑๒๙
พ.ศ.๒๔๕๓ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเศก ครั้งที่ ๑
สร้างเป็นที่ระลึกในพระราชพิธีบรมราชาภิเศก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2453 เนื่องอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2454 จึงได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเศกสมโภชอีกครั้งหนึ่ง
ลักษณะ เป็นรูปเสมา ขอบหยักเป็นรูปกระหนก ด้านบนมีห่วง
ด้านหน้า เป็นพระปรมาภิไธยย่อ “วปร” อยู่ภายใต้พระมหามงกุฎ กระหนาบซ้ายขวาด้วยลายกระหนก
ด้านหลัง มีข้อความว่า
“งานบรมราชาภิเศก
สมเด็จ
พระปรเมนทรมหาวชิราวุธ
พระมงกุฏเกล้า
เจ้าอยู่หัว
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน
รัตนโกสินทร์ ศก๑
๑๒๙”
ชนิด ทองคำ เงิน
ขนาด กว้าง 27 มิลลิเมตร ยาว 34 มิลลิเมตร
สร้าง พ.ศ.2453
พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญที่ระลึกการแสดงตำนานเสือป่า
สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกในการแสดงตำนานเสือป่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2454 เนื่องในงานเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อปลุกใจให้รักชาติ
กิจการเสือป่านั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ.2454 ซึ่งตาม พระราชดำริให้ข้าราชการ พลเรือน รู้จักริเริ่มป้องกันประเทศ และทำให้เกิดความสามัคคีไม่แบ่งชั้นวรรณะซึ่ง เป็นการนำเอาระบบประชาธิปไตย มาใช้ในการปกครอง
ลักษณะ เป็นรูปคล้ายใบไม้ มีห่วงที่ด้านบน
ด้านหน้า เป็นรูปโล่หน้าเสือ เหนือโล่เป็น ตราวชิระ อยู่ภายใต้พระมาลาทรงประพาส รอบโล่เป็นพระแสงศาสตราวุธ ด้านล่าง มีเลขบอกศักราช ”๑๓๑”
ด้านหลัง มีข้อความว่า
“การแสดง
ตำนานเสือป่า
ในงานเฉลิม
พระชนมพรรษา
ในวันอาทิตย์
ที่ ๕ มกราคม
รัตนโกสินทร
ศก๓”
ชนิด เงิน
ขนาด กว้าง 24 มิลลิเมตร ยาว 34 มิลลิเมตร
สร้าง พ.ศ.2454
พ.ศ.๒๔๕๔ (ร.ศ.๑๓๐)เหรียญรางวัลการแสดงกสิกรรมและพานิชการ ร.ศ.๑๓๐
สร้างเพื่อเป็นรางวัลในงานแสดงการกสิกรรม อุตสาหกรรม และพานิชยกรรม ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดโดยกระทรวงเกษตราธิการ ที่สระประทุมวัน (สระปทุม) เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2454 เพื่อส่งเสริมให้ราษฎร และพ่อค้าชาวต่างประเทศนำพรรณพืช ผัก ผลไม้ ตลอดจนเครื่องจักรในการทำกสิกรรมหัตถกรรมมาแสดง
ลักษณะ กลมแบน ขอบเรียบ มีห่วงอยู่ด้านบน
ด้านหน้า เป็นรูปพระพลเทพ พระหัตถ์ซ้ายถือคันไถ พระหัตถ์ขวาจูงพระโคคู่
ด้านหลัง มีข้อความว่า
“รางวัล
การแสดงกสิกรรม
แลพานิชการ
รัตนโกสิทร์ ศก
๑๓๐”
ชนิด ทองคำ เงิน ทองแดง
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 มิลลิเมตร
สร้าง พ.ศ.2454 (ร.ศ.130)
พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเศกรัชกาลที่ ๖ ครั้งที่ ๒ แบบ ๑
ลักษณะ กลมแบน ขอบเรียบ
ด้านหน้า เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครึ่งพระองค์ผินพระพักตร์ไปทางซ้ายของเหรียญ ทรงเครื่องเต็มยศทหารมหาดเล็กอยู่ในวงกรอบ นอกวงกรอบมีข้อความว่า “มหาราชา ปรเมนทรมหาวชิราวโร สยามรัชชการ พุทธสาสนปตถัมภโก”
สร้างเป็นที่ระลึกในพระราชพิธีบรมราชาภิเศกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2454
ด้านหลัง กลางเหรียญมีเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ อยู่ในวงกรอบ นอกวงกรอบมีข้อความว่า “งานบรมราชาภิเศกวันที่ ๒ ธันวาคม ๑๓๐”
ชนิด ทองคำ ทองแดง
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 51 มิลลิเมตร
สร้าง พ.ศ.2454
สร้างเป็นที่ระลึกในพระราชพิธีบรมราชาภิเศกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2454
พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธี บรมราชาภิเศก รัชกาลที่ ๖ ครั้งที่๒ แบบ ๒
สร้างเป็นที่ระลึกในพระราชพิธี บรมราชาภิเศก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2454
ลักษณะ กลม ขอบเรียบ ด้านบนมีห่วง
ด้านหน้า เป็นรูปตราวชิราวุธ มีดอกพิกุล 16 ดอกล้อมรอบ
ด้านหลัง มีข้อความว่า
“ที่ระฦก
ในการพระบรม
ราชาภิเศก ร.ศ.
๑๓๐ พุทธศัก
ราช ๒๔๕๔”
ชนิด เงิน
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 29 มิลลิเมตร
สร้าง พ.ศ.2454
พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญจักพรรดิมาลา
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พ.ศ. ๒๔๕๔ ๒๙ สิงหาคม ร.ศ. ๑๓๐
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นใหม่เรียกว่า “พระราชบัญญัติเหรียญจักพรรดิมาลา รัตนโกสินทรศก ๑๓๐” กำหนดการพระราชทานเหรียญนี้สำหรับข้าราชการพลเรือนที่รับราชการไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปี
นับตั้งแต่เข้ารับราชการให้เป็นบำเหน็จที่รับราชการมั่นคงยืนนานทำนองเดียวกับเหรียญจักรมาลาที่พระราชทานแก่นายทหารซึ่งรับราชการครบกำหนด ๑๕ ปี จึงสมควรแก้ไขพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับพระราชนิยมในระยะหลัง และแก้ไขรูปเหรียญให้เป็นคู่กันกับเหรียญจักรมาลาฝ่ายทหาร กล่าวคือ มีลักษณะเป็นรูปจักร ด้านหน้า มีพระรูปพระครุฑพ่าห์อยู่ในวงจักร ด้านหลัง มีรูปช้างอยู่ในวงจักร มีอักษรจารึกวงรอบว่า “บำเหน็จแห่งความยั่งยืนและมั่นคงในราชการ” ข้างบนมีเข็มวชิราวุธห้อยกับแพรแถบสีแดง ขอบสีเหลืองกับเขียว
มีเข็มเงินเบื้องบนแพรแถบจารึกอักษรว่า “ราชสุปรีย์” สำหรับประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย และผู้ที่ได้รับพระราชทานนี้ได้รับประกาศนียบัตรเป็นสำคัญด้วย ส่วนผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญจักรมาลาแล้วไม่ต้องรับพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาอีก หรือได้รับพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลารัชกาลที่ ๕ ก็โปรดเกล้าฯ ให้คงใช้อย่างนั้นต่อไป
พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญดุษฎีมาลา
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขเหรียญดุษฎีมาลาให้มีขนาดย่อมกว่าเดิม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓.๑ เซนติเมตร สูง ๓.๙ เซนติเมตร ส่วนลักษณะอื่นคงเดิม
พ.ศ. ๒๔๕๔ ร.ศ. ๑๓๐
ทรงพระราชดำริว่า เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่นั้นเป็นการเฉพาะในรัชกาลนั้น ถ้าจะพระราชทานในรัชกาลของพระองค์เป็นการขัดอยู่
จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างดวงตราสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์ขึ้นใหม่ เรียกว่า ตราวชิรมาลา ตามพระราชบัญญัติตราวชิรมาลา รัตนโกสินทรศก ๑๓๐ ได้บัญญัติว่าตราวชิรมาลานี้
สำหรับพระราชทานผู้ที่ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณในพระองค์ และรัชทายาท และราชตระกูล โดยความจงรักภักดีที่จะให้เป็นคุณประโยชน์ เป็นพระเกียรติยศในพระองค์และราชตระกูล