พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญที่ระลึกเสด็จประพาศมณฑลฝ่ายใต้


เหรียญในรัชกาลที่ 5
พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญที่ระลึกเสด็จประพาศมณฑลฝ่ายใต้
พ.ศ.๒๔๕๒ (ร.ศ.๑๒๘) เหรียญที่ระลึกในงานพระศพพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษรัชสมโภช พร้อม ยู่อี่ และ เหรียญอรุณเทพบุตร
พระองค์เจ้าอุรุพงษรัชสมโภช ประสูติวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๖ เป็นพระโอรสองค์ที่ ๒ ในเจ้าจอมมารดาเลื่อน (นิยะวานนท์) สิ้นพระชนม์พระชันษาเพียง ๑๗ ปี (นับแบบประเพณีโบราณ) เมื่อ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๒ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชบิดา แต่เป็นวันโศกเศร้ายิ่งของพระองค์ และ อีกเพียงปีเดียว สมเด็จพระราชบิดาก็เสด็จสวรรคตประมาณ ๑เดือน หลังจากทำบุญครบปีวันสิ้นพระชนม์ของพระราชโอรสพระองค์นี้ พระองค์เจ้าอุรุพงษฯ เป็นพระราชโอรส ที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดปรานและเอ็นดูมาก (คงเช่นเดียวกับพ่อแม่ท่านอื่นๆยิ่งท่านมีพระราชโอรสธิดา ในตอนพระชนมายุมากขึ้นท่านคงจะรักเอ็นดูพระองค์น้อยๆทบทวีคูณ)
เหรียญที่นำมาลงให้ดูนี้มีสองแบบ แบบแรกเป็นชนิดหน้าพระรูปของพระองค์เจ้าฯ เนื้อเงินกะไหล่ทอง กับอีกแบบเป็นหน้าอรุณเทพบุตร ชนืดเนื้อเงิน ในตำราส่วนใหญ่ รวมถึงตำราของกองกษาปณ์ มักจะมีรูปให้ดูเฉพาะชนิดหน้าพระรูปเท่านั้น ส่วนอรุณเทพบุตรจะไม่ค่อยพบเห็น
เหรียญอรุณเทพบุตร ด้านหลังเหมือนกัน พอดีมีผู้อธิบายตำนานอรุณเทพบุตรไว้ จึงขอนำมาลงไว้ที่นี้ครับ (ถ้าขี้เกียจอ่าน ก็ข้ามไปได้เลย) ” พญานาคตามวรรณคดีนั้นคืออมนุษย์พวกหนึ่งเป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์ เป็นเจ้าแห่งงูอยู่ในบาดาลคือ ใต้แผ่นดินที่เรา อาศัยอยู่ลึกลงไปรูปร่างโดยทั่วไปเป็นงูใหญ่แต่มีเกล็ดและมีหงอนงามมาก พญานาคนั้นเป็นโอรสของพระกัสยปเทพบิดร (ซึ่งเป็นโอรสของพระพรหมอีกทีหนึ่ง) กับนางกัทรุ (ธิดาของพระทักษะประชาบดี) เมื่อกำเนิดมามารดาได้คลอดบุตรออกมาเป็นไข่ ๑,๐๐๐ ฟอง และ ๕๐๐ ปี ต่อมาก็แตกออกมาเป็นพญานาคนี้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อกล่าวถึงนาคแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องครุฑแทรกเข้ามาด้วย คือในขณะเดียวกันกับพวกนาคจะเกิดขึ้นนี้ พระกัสยปเทพบิดรมีชายาอีกนางหนึ่งคือนางวินตา
ซึ่งคาดว่าจะมีเรื่องระหองระแหงกับนางกัทรุมารดาของพวกนาคทั้งที่เป็นพี่น้องกัน สาเหตุนั้นคือเมื่อนางกัทรุตั้งครรภ์ นางขอพรพระกัสยปให้มีโอรสที่มีฤทธิ์หนึ่งพัน พระกัสยป ผู้เป็นพระสวามีก็ให้พรตามที่นางขอ นางวินตาเห็นดังนั้นก็ขอพรบ้าง แต่ขอให้มีโอรสเพียง ๒ องค์ แต่ให้มีฤทธิ์อำนาจเหนือกว่าโอรสของนางกัทรุ ดังนั้นเพียงแค ขอพรก็เห็นได้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่อง เพราะใครคงไม่อยากให้ลูกคนอื่นดีกว่าลูกตนเอง แต่ยังก่อนจนกระทั่งเวลา ผ่านไป ๕๐๐ ปี นางทั้งสองต่างก็คลอดโอรส โดยนางกัทรุคลอดออกมาเป็นนาคทั้งหมด ส่วนนางวินตา คลอดโอรสออก มาเป็นไข่ ๒ ฟอง แต่ยัง ไม่แตกออกมา นางร้อนใจจึงรีบทุบไข่ ฟองหนึ่งออกมา ผลปรากฏว่าไข่ฟองแรกของนางเกิดเป็นพระอรุณเทพบุตร มีรูปร่างใหญ่โต
แต่มีร่างเพียงครึ่งเดียวเพราะ เกิดก่อนกำหนด พระอรุณโกรธแม่มากเลยสาปให้นางวินตาต้องเป็นทาสนางกัทรุ ๕๐๐ ปีจนกว่าโอรสองค์ที่สองคือครุฑ จะถือกำเนิดแล้วจะมา ปลดปล่อยให้เป็นไท ส่วนตนเองก็เหาะขึ้นฟ้าไปเป็น สารถีให้พระอาทิตย์ ต่อมานางกัทรุกับนางวินตาเกิดพนันขันต่อกันขึ้น ( แสดงว่าการพนันมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว) ว่าม้าเทียมรถพระอาทิตย์คือม้าอุจไฉสรพะมีสีอะไร นางวินตาว่ามีสีขาว ส่วนนางกัทรุว่ามีสีดำ ซึ่งความจริงม้านั้นมีสีขาวทั้งตัว นางกัทรุในตอนหลังทราบว่าม้าเทียมรถพระอาทิตย์มีสีขาวก็กลัวจะแพ้พนันเลยให้นาคที่เป็นโอรสไปพ่นพิษใส่จนกลายเป็นสีดำหรือบางตำราก็ว่าให้นาคแปลงตัวไป แทรกขนม้าจนกลายเป็นขนสีดำ พอเช้ามานางวินตาก็ต้องแพ้พนันไปตามระเบียบต้องยอมตัวเป็นทาสตามเดิมพัน จวบจน ๕๐๐ ปี ให้หลังครุฑจึงเกิดมาเป็นพญานกมีฤทธิ์มาก เห็นแม่เป็นทาสก็เลยหาทางช่วยโดยไปต่อรองกับพวกนาคว่าจะขโมยน้ำอมฤตมาให้พวกนาคดื่มเพื่อจะได้เป็นอมตะซึ่งครุฑก็ขโมยมาจากพระอินทร์ได้สำเร็จ”
ข้อมูลจำเพาะ
ลักษณะ : เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมตัดทั้งสี่ด้าน มีห่วงอยู่ด้านบน
ด้านหน้า : เป็นพระรูป ของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภชริมขอบเหรียญ ด้านซ้ายมีอักษรจารึก “ Gh.Suwat D.Fourcade ” ด้านขวา “SUSSEF DES PARIS ”
ด้านหลัง : มีข้อความว่า
“ พระเจ้าลูกยาเธอ
พระองค์เจ้า
อุรุพงษ์รัชสมโภช
ประสูติ
๑๕ ตุลาคม ๑๑๒
สิ้นพระชนม์
๒๐ กันยายน ๑๒๘ ”
ชนิด : ทองขาว
ขนาด : กว้าง 18 มิลลิเมตร ยาว 29 มิลลิเมตร
ลักษณะของยู่อี่ ยู่อี่ (หยู่อี่, หรือ หยูอี้) หมายถึงคทา อันเป็นเครื่องยศชั้นสูงที่จักรพรรดิทรงมอบให้กับขุนนางผู้ใกล้ชิด หรือพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ แสดงถึงความมีวาสนา ใช้ประดับเหรียญที่ระลึกซึ่งพระราชทานเป็นรางวัล ในการประกวดเครื่องโต๊ะบูชา หรือใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ในการจัดเครื่องโต๊ะบูชา
ด้านหน้า ทำจากแผ่นเงินเคลือบกะไหล่ทอง เป็นวิมานทรงเก๋งจีน ประทับอยู่บนก้อนเมฆ เจาะช่องตรงกลางเพื่อแสดงตัวเหรียญที่ระลึกฯ ในก้อนเมฆด้านล่างเก๋งจีน มีตัวเลขไทยอ่านกลับ จากขวาไปซ้ายว่า ๑๒๘ ซึ่งเป็นปีที่สิ้นพระชนม์
ด้านหลัง ช่องตรงกลางทำเป็นกรอบรางรับตัวเหรียญ ด้านบนยอดมีห่วง ด้านล่างตรงก้อนเมฆมีท่อทรงกระบอกขนาดเล็กสำหรับยึดเสียบกับตัวก้าน เพื่อใช้ปักบนกระถางธูป
พ.ศ.๒๔๕๓ ตลับเงินที่ระลึกงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕ และเหรียญหนวด ช้างสามเศียร
ผลิตขึ้นตามพระราชบัญัติมาตราทองคำ ร.ศ.๑๒๗ เพื่อใช้หมุนเวียนแทนเงินตรารุ่นเก่า สั่งผลิตจากโรงกษาปณ์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส จำนวน ๑,๐๓๖,๖๙๑ เหรียญ ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตรทางเบื้องขวาฉลองพระองค์เต็มยศทหารมหาดเล็ก มีอักษรพระปรมาภิไธย “ จุฬาลงกรณ์ สยามินทร์ ” ที่รอบขอบเหรียญ เหนือพระอังสาเบื้องซ้ายมีชื่อของผู้แกะสลักแม่แบบ A.PATEY ( AUGUSTE PATEY ) ด้านหลังเป็นรูปช้างสามเศียร มีอักษร “ สยามรัฐ ” “ ร.ศ.๔๑ ๑๒๗ ” และมีตัวอักษรบอกราคา “ หนึ่งบาท ” วงขอบนอกมีเฟือง ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ เหรียญหนวด ” เพราะพระองค์ทรงไว้พระมัตสุที่งดงามมาก รูปช้าง ๓ เศียร หมายถึง สยามเหนือ สยามกลาง สยามใต้ เลข ๔๑ บน ร . ศ . หมายความว่า ได้ครองราชย์มา ๔๑ ปีแล้ว
ตัวอย่างตลับเงินที่ระลึกงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕
เหรียญเงินหนึ่งบาทร.ศ.๑๒๗ สั่งเข้ามายังไม่ได้ประกาศใช้ พอดีผลัดแผ่นดินใหม่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเหรียญนี้เป็นที่ระลึกในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี ร . ศ . ๑๒๙ ผู้ที่ได้รับพระราชทานแล้ว โปรดฯให้ไปรับกรอบที่จะใส่เหรียญนั้นที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ สำหรับฝ่ายในชั้นผู้ใหญ่ ได้รับพระราชทานตลับเงินใหญ่มีเหรียญอยู่ด้านหน้าตลับ ๒ เหรียญ สำหรับฝ่ายในชั้นผู้น้อยได้รับพระราชทานตลับเงินเล็กมีเหรียญบนฝาตลับเหรียญเดียว
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่สังเกตเห็นได้ก็คือขอบเฟืองเป็นสันตรงไม่โค้งหรือเป็นขอบกระด้ง กล่าวคือขอบเหรียญจะไม่ถูกลบคมทั้ง 2 ด้านจนโค้งมนนั่นเอง ขอบเหรียญแต่ละด้านมีลักษณะยกตัวเล็กน้อยเป็นเทคนิคของผู้ออกแบบเพื่อรักษาผิวทั้ง 2 ด้านมิให้สึกหรอได้ง่าย
เหรียญที่นำรูปมาลงให้ดูนี้ มีร่องรอยการทำความสะอาดผิวเหรียญมาแต่เดิม แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นเหรียญหนวดที่มีสภาพสมบูรณ์ และสวยงามมากเหรียญหนึ่งครับ
เหรียญอื่นๆ
ข้อมูลจำเพาะ
ลักษณะ เป็นเหรียญกษาปณ์ กลม แบน ขอบมีเฟือง
ด้านหน้า เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตรทางเบื้องขวาฉลองพระองค์เต็มยศทหารมหาดเล็ก มีอักษรพระปรมาภิไธย “ จุฬาลงกรณ์ สยามินทร์ ” ที่รอบขอบเหรียญ เหนือพระอังสาเบื้องซ้ายมีชื่อของผู้แกะสลักแม่แบบ A.PATEY ( AUGUSTE PATEY )
ด้านหลัง เป็นรูปช้างสามเศียร มีอักษร “ สยามรัฐ ” “ ร . ศ . ๔๑ ๑๒๗ ” และมีตัวอักษรบอกราคา “ หนึ่งบาท ” วงขอบนอกมีเฟือง รูปช้าง ๓ เศียร หมายถึง สยามเหนือ สยามกลาง สยามใต้ เลข ๔๑ บน ร . ศ . หมายความว่า ได้ครองราชย์มา ๔๑ ปีแล้ว
ชนิด เงิน
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 มิลลิเมตร หนัก ๑๕ กรัม
พ.ศ.๒๔๕๓ (ร.ศ.๑๒๙) เหรียญรางวัลการแสดงกสิกรรม แล พานิชการ ร.ศ. ๑๒๙