Categories
King Rama V พ.ศ.๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๒) เหรียญจักรพรรดิมาลา หรือเหรียญปรนนิบัติราชการดี

พ.ศ.๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๒) เหรียญจักรพรรดิมาลา หรือเหรียญปรนนิบัติราชการดี

พ.ศ.๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๒) เหรียญจักรพรรดิมาลา หรือเหรียญปรนนิบัติราชการดี

ในวาระสมโภชศิริราชสมบัติครบ ๒๕ ปี ในปีร.ศ.๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖) นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างเหรียญจักรพรรดิมาลา ขึ้น แต่ยังมิได้มีการประกาศเป็นพระราชบัญญัติ และยังมิได้มีการพระราชทานแก่ผู้ใด
จนกระทั่งวันที่ ๓ มีนาคม รัตนโกสินทร์ศก๒๘ ๑๑๔ (พ.ศ.๒๔๓๘ นับวันขึ้นปีใหม่แบบเดิม) ในการพระราชพิธีสมโภชศิริราชสมบัติ เสมอเท่ารัชกาลที่ ๑ ครองราชย์ครบ ๑๐๐๑๕ วัน
และนับเป็นปีครองราชย์ ขึ้นปีที่ ๒๘ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติให้เป็นเหรียญสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ผู้ปฏิบัติราชการดีทั่วไปไม่มีกำหนดขีดคั่นอย่างใด

เนื้อหาหลักตามความที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติเหรียญจักรพรรดิมาลา ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม๑๒ หน้า ๔๘๐ ถึง ๔๘๑ มีดังนี้…

…..มีพระบรมราชโองการ ดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่าเหรียญเครื่องประดับอย่างหนึ่ง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นแต่เมื่อการพระราชพิธีรัชฎาภิเศก สมโภชศิริราชสมบัติครบ ๒๕ ปี ในรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๒ นั้น ยังหาได้มีประกาศพระราชบัญญัติ สำหรับกับเหรียญเครื่องประดับนั้นไม่ โดยยังไม่มีโอกาศที่จะพระราชทานผู้ใดในสมัยนั้นและในคราวนั้น ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมพระราชบัญญัติ เครื่องราชอิศริยาภรณ์ทั้งปวงแก้ไขให้เป็นที่เรียบร้อย และเป็นที่รฦกของกาลสมัยอันนั้นอยู่แล้ว บัดนี้ถึงสมัย ซึ่งได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติมาเสมอเท่ารัชกาล แห่งสมเด็จพระบรมมหาปัยกาธิราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ อันเสด็จดำรงศิริราชสมบัติ ในกรุงเทพมหานครนี้ มีกาลยาวที่สุด ไม่มีรัชกาลอื่นจะยาวยิ่งกว่านั้น สมควรที่จะประกาศพระราชบัญญัติ สำหรับเหรียญเครื่องประดับนี้ ให้เป็นที่รฦกในมหามงคลสมัยอันนี้สืบไป

จึงมีพระบรมราชโองการ ดำรัสเหนือเกล้าฯ เฉพาะเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ให้ตราพระราชบัญญัตินี้ไว้เป็นแบบฉบับ สำหรับปกครองเหรียญเครื่องประดับอันนี้ โดยมาตราทั้งหลายดังจะว่าต่อไปนี้

มาตรา ๑ เหรียญเครื่องประดับนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่าเหรียญจักรพรรดิมาลา


มาตรา ๒ เหรียญจักรพรรดิมาลา นี้มีสัณฐานเป็นรูปจักร ด้านหน้ามีพระบรมราชสาทิศฉายาลักษณ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหาพิไชยมงกุฎ ยอดมีรัศมีและพวงมาไลใบไชยพฤกษ์วงโดยรอบ ที่ขอบจักรมีอักษร แสดงพระบรมราชนามาภิไธยว่า “จุฬาลงกรณ์ บรมราชาธิราช สยามินทร์” ด้านหลังที่ขอบจักร มีอักษรแสดงคุณของผู้ที่จะได้รับพระราชทาน และแสดงศกที่ได้ทรงสร้างเหรียญนี้ว่า “สำหรับปรนนิบัติราชกาลดี รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๒” ที่กลางเหรียญมีอักษรว่า “พระราชทานแก่” และจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จารึกนามผู้ที่จะได้พวงมาไล อันมีช่อดอกไม้รับรองอยู่นั้น เหรียญนี้จะได้ห้อยแพรแถบสีเหลืองริมชมภู ห้อยกับเข็มอันมีอักษรจารึกว่า “ราชสุปรีย์” สำหรับติดที่รังดุมเสื้อ ณ อกข้างซ้าย


มาตรา ๓ เหรียญจักพรรดิมาลานี้ไม่มีกำหนดจำนวนชั้นสูงและต่ำ จะพระราชทานเสมอทั่วหน้ากัน ตามคุณพิเศษและความดีความชอบ ตัวเหรียญนั้นจะเป็นทองคำแท้ ฤๅเงินก้าใหล่ทอง เงินเปล่า ก็แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน คงเป็นชั้นชนิดมีเกียรติยศอย่างเดียวกันทั้งนั้น


มาตรา ๔ เหรียญจักรพรรดิมาลานี้สำหรับพระราชทานแก่ผู้ที่ได้ปรนนิบัติราชกาลดี ตั้งแต่ผู้มีอิศริยศักดิ์ตลอดลงไปจนถึงไพร่เสมอทั่วหน้ากันตานแต่พระบรมราชอัธยาไศรย์ ที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ผู้ใด


มาตรา ๕ เหรียญจักรพรรดิมาลานี้เมื่อพระราชทานแก่ผู้ใด จะได้โปรดเกล้าฯ ให้จารึกนามผู้นั้นลงในที่สำหรับจารึกอันกล่าวแล้วนั้น ไม่ต้องมีประกาศนียบัตร แล้วจะได้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ว่าได้พระราชทานแก่ผู้นั้น และจดบาญชีชื่อตัวชื่อตั้ง และวันเดือนศกและความดีความชอบ ที่ได้ปรนนิบัติราชกาลดีนั้น ไว้ในสมุดสารบบสำหรับเหรียญจักพรรดิมาลานี้ สำหรับแผ่นดินสืบไป


มาตรา ๖ เหรียญจักพรรดิมาลานี้พระราชทานให้เปนสิทธิ์ แก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานนั้น เมื่อผู้นั้นล่วงลับไปแล้วก็ไม่ต้องส่งคืน คงพระราชทานให้เป็นที่รฦกแก่ผู้รับมรดกต่อไป


มาตรา ๗ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้รับพระราชทาน เหรียญจักพรรดิมาลานี้……

อนึ่ง ในพระราชบัญญัติเหรียญจักรพรรดิมาลา ร.ศ.๑๓๐ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๘ หน้า ๑๙๘ ถึงหน้า ๒๐๑ ) ได้มีการอ้างอิงความย้อนหลังไว้ในย่อหน้าแรก ว่า ตามพระราชประสงค์เดิมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้เป็นเหรียญสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ผู้ปฏิบัติราชการดีทั่วไปไม่มีกำหนดขีดคั่น แต่ตามพระราชนิยมที่พระราชทานชั้นหลังนั้น สำหรับพระราชทานผู้ที่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร์ขุนนางครบ ๒๘ ปี เป็นบำเหน็จที่รับราชการยั่งยืนมั่นคงยาวนาน นัยว่าเนื่องจากได้เริ่มพระราชทานในปีที่ทรงครองราชย์ยาวนานเสมอพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (๒๘ ปี)

จากการค้นคว้าในราชกิจจานุเบกษา ที่เกี่ยวเนื่องกับการพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา ตั้งแต่วันที่ ๓ มีนาคม รศ๑๑๔ ซึ่งเป็นวันที่เริ่มพระราชทานครั้งแรก จนถึง ๒๐ กันยายน รศ๑๒๙ ซึ่งเป็นการพระราชทานครั้งสุดท้ายก่อนสววรคตได้ไม่นาน  พบหลักฐานการพระราชทาน รวบรวมเป็นสถิติได้ดังนี้ (รายชื่อและจำนวนผู้รับพระราชทานอาจมีตกหล่นได้บ้างเล็กน้อย แต่อยู่ในราว สองร้อยคนเศษ อย่างแน่นอน)

ประเภทจำนวนผู้รับจำนวนครั้งที่พระราชทาน
เงินแช่ทอง332
ก้าไหล่ทอง2010
ทอง62
เงิน7711
ไม่ระบุ8624
รวม22249

อนึ่ง เหรียญจักรพรรดิมาลาสมัยรัชกาลที่๕นี้ ถึงแม้ว่าจำนวนการพระราชทานจะไม่มากนัก (เนื่องจากผู้ที่ได้รับพระราชทานต้องรับราชการด้วยความชอบ เป็นระยะเวลายาวนานถึง๒๘ปี) แต่ช่วงเวลาของการพระราชทาน นับแต่มีการตราพระราชบัญญัติฯ ตั้งแต่ปีร.ศ.๑๑๔ ถึง กันยายน ร.ศ.๑๒๙ ก็ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร และน่าจะมีการสั่งผลิตเหรียญนี้มาหลายครั้งหลายlots จากการตรวจสอบเหรียญแท้ที่พบในปัจจุบัน โดยสอบทานตามหลักฐานชื่อผู้รับพระราชทานที่มีปรากฎอยู่ (เหรียญที่พระราชทานแล้ว จะมีชื่อผู้รับพระราชทาน จารด้วยลายมืออยู่ด้านหลังเหรียญ) พอสันนิษฐานได้ว่า เหรียญเงินแช่ทอง, และเหรียญก้าไหล่ทอง (และอาจรวมถึงเหรียญ “ทอง” ด้วย) น่าจะเป็นชนิดที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นเนื้อกะไหล่ทอง

   อย่างไรก็แล้วแต่ จากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ โดยนำตัวอย่างเหรียญจักรพรรดิมาลาเหรียญหนึ่ง
ที่มีบันทึกหลักฐานการพระราชทานในราชกิจจานุเบกษาว่าเป็นชนิดเหรียญ”ทอง” จากการวิเคราะห์เนื้อโลหะของเหรียญดังกล่าว โดยเทคนิค XRF (X-Ray Fluorescence ในระดับผิวที่มีความลึกไม่เกิน 100 ไมครอน)
พบว่าเป็นชนิดที่มีเนื้อโลหะหลักเป็นเงิน (Ag) กว่า 88% ผสมกับแร่ทองคำ (Au) มากกว่า 10% โดยมวล และมีข้อสังเกตุว่า ตามบันทึกหลักฐานการพระราชทาน ที่ค้นคว้าได้จากราชกิจจานุเบกษา ก็ยังไม่มีการระบุอย่างชัดเจนว่าได้มีการพระราชทานเนื้อ “ทองคำแท้” แก่ผู้ใด

   เหรียญจักรพรรดิมาลา สมัยรัชกาลที่ ๕ ที่เป็นเหรียญแท้นี้ พบเห็น ๒ บล็อค คือบล็อคดอกไม้เต็ม (คือดอกไม้ประดับในวงขอบเหรียญเห็นเป็นกลีบอย่างชัดเจน) และดอกไม้ตื้น และทั้ง๒ บล็อคนี้ มีลักษณะการทำผิวเหรียญแบบพ่นทราย (Sand Blast Finishing) และมีร่องรอยการกัดเฟืองที่วงขอบด้านใน (อันเกิดจากขั้นตอนการทำแม่พิมพ์) ที่เป็นลักษณะเฉพาะเหมือนกัน

คำบรรยายภาพ: ตัวอย่าง บันทึกการพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา ที่พิมพ์ไว้ในราชกิจจานุเบกษา

ข้อมูลจำเพาะ:

ด้านหน้า: มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ ยอดมีรัศมีและพวงมาลัยใบชัยพฤกษ์วงรอบ ที่ขอบจักรมีอักษรว่า “จุฬาลงกรณ์บรมราชาธิราช สยามินทร์”

ด้านหลัง:
ที่ขอบจักรมีอักษรแสดงคุณของผู้ที่ได้รับพระราชทาน และแสดงศกที่ทรงสร้างเหรียญนี้ว่า “สำหรับปรนนิบัติราชการดี รัตนโกสินทรศก ๑๑๒” ที่กลางเหรียญมีอักษรว่า “พระราชทานแค” (และจะได้โปรดเกล้าฯ ให้จารึกนามผู้ที่ได้รับพระราชทานลงในกลางเหรียญที่ให้พวงมาลัยที่มีช่อดอกไม้รองอยู่)

ขนาด:
เหรียญมีลักษณะเป็นรูปจักรขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓.๓ เซนติเมตร ส่วนสูง ๖.๐ เซนติเมตร

การประดับ:
ห้อยกับแพรแถบสีเหลือง ริมชมพู ห้อยกับเข็มมีอักษรว่า “ราชสุปรีย์” สำหรับประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญนี้ไม่มีประกาศนียบัตร เพราะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จารึกนามผู้ได้รับพระราชทานเหรียญนี้ไว้ที่กลางเหรียญ และลงบันทึกรายนามผู้รับพระราชทานไว้ในราชกิจจานุเบกษา ทุกครั้ง

ผู้ออกแบบ: เสวกเอก หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย ในกรมขุนราชสีหวิกรม (ช่วง พ.ศ. ๒๔๓๖)

ค้นคว้าโดย: พฤฒิพงษ์ เชิดเกียรติกุล

Categories
King Rama V พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เหรียญประพาสมาลา

พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เหรียญประพาสมาลา

พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เหรียญประพาสมาลา

The Prabas Mala Medal
ใช้อักษรย่อ ร.ป.ม. เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์พระราชทานเป็นที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก เพื่อเจริญพระราชไมตรี ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ถึงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ นับเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ได้เสด็จประพาสประเทศต่างๆในยุโรป      

                          
เหรียญนี้มี ๓ ชนิด คือ เหรียญเงินกะไหล่ทอง เหรียญเงิน และเหรียญบรอนซ์กะไหล่เงิน เป็นเหรียญรูปกลม


ด้านหน้า มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครึ่งพระองค์ ผินพระพักตร์เบื้องซ้าย ประดิษฐานอยู่กลาง ที่เบื้องขวาของพระบรมรูปมีอักษรโรมันว่า AUG PATEY และมีอักษรที่ริมขอบเบื้องบนว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”


ผู้ออกแบบ : AUGUSTE PATEY
ปัจจุบันเป็นเหรียญที่พ้นสมัยพระราชทาน

ด้านหลัง มีอักษรว่า “ที่รฦกในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป ตั้งแต่วันที่ ๗ เดือนเมษายน ถึงวันที่ ๑๖ เดือนธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๓๐ ๑๑๖” มีห่วงใช้ห้อยกับแพรแถบสีเหลืองริมสีน้ำเงินกับแดง กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ริมขอบนอกของเหรียญด้านล่างมีข้อความอักษรโรมันบอกชนิดของโลหะ
สำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า ใช้ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานฝ่ายใน แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ใช้ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย

คำบรรยายภาพ : เหรียญประพาสมาลาชนิดเนื้อเงินกะไหล่ทอง

ตัวอย่างเหรียญประพาสมาลาเนื้อบรอนซ์กะไหล่เงิน

ตัวอย่างเหรียญประพาสมาลาเนื้อ เงิน

ตัวอย่างเหรียญประพาสมาลาเนื้อกะไหล่ทอง
Categories
King Rama V พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เหรียญราชรุจิ

พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เหรียญราชรุจิ

พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เหรียญราชรุจิ

เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จในพระองค์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปีระกา ร.ศ.๑๑๖ ( พศ ๒๔๔๐ ) ก่อนเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งแรก สำหรับพระราชทานแก่ผู้มีความชอบในพระองค์ รองจากเหรียญรัตนาภรณ์ ทรงพระราชทานแก่ข้าราชการในพระราชสำนัก นายทหารรักษาพระองค์ และผู้มีความชอบในพระราชสำนัก ทั้งสำหรับพระราชทานแก่ข้าราชการในพระราชสำนักแห่งพระเจ้าแผ่นดินต่างประเทศชั้นมหาดเล็กรับใช้เป็นต้น เหรียญมีลักษณะเป็นเหรียญเงิน และเหรียญกะไหล่ทอง เป็นเหรียญรูปกลมแบน ใช้อักษรย่อว่า “ ร . จ . ท ( ๕ )” ทางด้านหลัง มีอักษรที่กลางวงจักรว่า “ ราชรุจิยา ทิน์นมิท ๐ ” ซึ่งแปลว่า “ เหรียญนี้ ทรงพอพระราชหฤทัย พระราชทาน ” และประดับกับแพรแถบสีแดง สำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า ( บุรุษ ) ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานฝ่ายใน ( สตรี ) เป็นแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย

Categories
King Rama V พ.ศ.๒๔๔๖ (ร.ศ.๑๒๒) เหรียญทวีธาภิเศก

พ.ศ.๒๔๔๖ (ร.ศ.๑๒๒) เหรียญทวีธาภิเศก

พ.ศ. ๒๔๔๖ เหรียญทวีธาภิเศก

เหรียญทวีธาภิเศก เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ ใช้อักษรย่อว่า ท.ศ. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างเหรียญนี้ขึ้น เมื่อพศ ๒๔๔๖ เพื่อพระราชทานทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เพื่อเป็นที่ระลึกในวโรกาสที่ได้เสด็จดำรงสิริราชสมบัติสืบบรมสันตติวงศ์ เป็นปีที่ ๓๖ ในรัชกาล นับได้ ๑๒๒๔๔ วัน ณ วันที่ ๓ ตุลาคม รศ ๑๒๒ ซึ่งเป็นเวลายืนนานกว่ารัชกาลของบูรพกษัตริย์ในพระราชวงศ์จักรี และครบถ้วน ๒เท่า จำนวนวันในรัชกาลของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เหรียญที่เห็นในรูปเป็นชนิดเนื้อเงินกะไหล่ทอง เมื่อแรกพระราชทานจะมาพร้อมกับแพรแถบ เป็นเหรียญรูปไข่คู่ ติดกัน

มีตราตอกด้านข้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะผลิตจากโรงกษาปณ์แห่งกรุงปารีส

ข้อมูลจำเพาะ

ลักษณะ เป็นเหรียญรูปไข่คู่ติดกัน มีห่วงเชื่อมสำหรับร้อยแพรแถบ
ด้านหน้า มีรูปโล่ โล่ข้างหน้าเป็นตราจุลมงกุฎรองพาน ๒ชั้น โล่หลังรูปมหามงกุฎรองพานอย่างเดียวกัน มีพระมหาสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ และมีใบชัยพฤกษ์รอบนอก มีพระขรรค์กับธารพระกรไขว้กันอยู่เบื้องหลัง มีพระอุณหิศ ( กรอบหน้า , มงกุฎ ) อยู่เบื้องบนทั้งสองหน้า รูปกลมรี
ด้านหลัง กลางโล่มีรูปช้างสามเศียร มีช่อพุทธรักษาล้อมสองข้าง มีพระอุณหิศอยู่เบื้องบน ภายในพระอุณหิศมีอุณาโลมอยู่ เหนือโล่มีอักษรโดยรอบว่า “ ที่ระลึกรัชกาลที่ ๕ เสมอ ๒ เท่า รัชกาลที่ ๔ รัตนโกสินทรศก ๑๒๒ ” เหมือนกันทั้งสองหน้า
ชนิด ทองคำ เงินกะไหล่ทอง และ เงิน
ปัจจุบัน พ้นสมัยพระราชทาน

Categories
King Rama V พ.ศ.๒๔๕๐ (ร.ศ.๑๒๖) เหรียญงานพระราชพิธีรัชมงคล

พ.ศ.๒๔๕๐ (ร.ศ.๑๒๖) เหรียญงานพระราชพิธีรัชมงคล

พ.ศ.๒๔๕๐ (ร.ศ.๑๒๖) เหรียญงานพระราชพิธีรัชมงคล

ใช้อักษรย่อ ร.ร.ม. เหรียญราชอิสริยาภรณ์ที่พระราชทานเป็นที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญนี้ขึ้นเมื่อ ร.ศ. ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๔๕๐) ในวโรกาสที่เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติเป็นปีที่ ๔๐ เสมอด้วยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นรัชกาลที่ยืนยาวกว่าพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารโดยมีการตรา “พระราชบัญญัติเหรียญรัชมงคล รัตนโกสินทรศก ๑๒๖” ขึ้นให้ใช้ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐ เป็นต้นไปสำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์และเข้าทูลละอองธุลีพระบาท ในการพระรสชกุศลรัชมงคล รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๔๕๐) โอกาสเดียว ผู้ใดสมควรจะได้รับพระราชทานชนิดใด แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ความปรากฎใน “พระราชบัญญัติเหรียญรัชมงคลรัตนโกสินทรศก ๑๒๖” ตอนหนึ่งว่า “…(พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) มีพระบรมราชโองการตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า จำเดิมแต่เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ ในปีมะโรง สัมฤทศก จุลศักราช ๑๒๓๐ นับเรียงปีมาถึงรัตนโกสินทรศก ๑๒๖ นี้ รัชพรรษาพอบรรจบสี่สิบปี เสมอด้วยรัชกาลแห่งสมเด็จพระรามาธิบดีพระองค์ที่ ๒ ซึ่งได้ครอบครองราชสมบัติในกรุงศรีอยุธยา ผู้มีรัชกาลยืนยาวกว่าพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ อันมีปรากฏในพระราชพงศาวดาร เป็นเหตุให้ทรงพระปีติเบิกบานพระราชหฤทัย จึงจะได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในกรุงศรีอยุธยาทรงพระราชอุทิศส่วยพระราชกุศล ถวายสมเด็จพระรามาธิบดีพระองค์นั้น ตามรัชสมัยได้เท่าทันเสมอภาค ยากที่จะเทียมถึง จึงจัดว่าเป็นพระราชกุศลรัชมงคลอันอุดม สมควรจะมีสิ่งซึ่งเป็นที่รฦกถึงบญญาภินิหาร แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ ให้อยู่ชั่วกาลนานจึงทรงพระราชดำริห์ ให้สร้างเหรียญที่รฦก”

ด้านหน้า เป็นรูปพระครุฑพ่าห์ มีพระจุลมงกุฎซ้อนบนอก
ด้านหลัง มีอักษรว่า “ที่รฦกรัชกาลที่ ๕ กรุงรัตนโกสิมทร เสมอรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ กรุงศรีอยุธยา ร.ศ. ๑๒๖” และมีห่วงร้อยด้วยแพรแถบนพรัตนราชวราภรณ์ คือ เป็นแพรแถบสีเหลืองขอบเขียว มีริ้วแดงและน้ำเงินคั่นในระหว่างสีเหลือง และขอบเขียวนั้น แพรแถบขนาดกว้าง ๓ เซนติเมตร ใช้ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานฝ่ายใน แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
เหรียญรัชมงคลเนื้อทองคำ

เหรียญรัชมงคล มี ๓ ชนิด คือ เหรียญทองคำ เหรียญเงินกะไหล่ทอง และเหรียญเงิน สำหรับพระราชทานทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เป็นเหรียญรูปกลมรี

ผู้ออกแบบ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ปัจจุบันเป็นเหรียญที่พ้นสมัยพระราชทาน

Categories
King Rama V พ.ศ.๒๔๕๑ (ร.ศ.๑๒๗) เหรียญรัชมังคลาภิเศก

พ.ศ.๒๔๕๑ (ร.ศ.๑๒๗) เหรียญรัชมังคลาภิเศก

พ.ศ.๒๔๕๑ เหรียญที่ระลึกรัชมังคลาภิเษก หรือเหรียญพระบรมรูปทรงม้า

เหรียญรัชมังคลาภิเศก มูลเหตุที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างเหรียญนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรวุธ สยามมกุฏราชกุมาร สร้างเหรียญรัชมังคลาภิเศกขึ้น เนื่องในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเศกครองราชย์ ๔๐ พรรษา อันเป็นพระราชพิธีสำคัญของประเทศไทยและในคราวเดียวกันนั้น ก็ได้มีการเปิดพระราชานุสาวรีย์ หรือพระบรมรูปทรงม้าขึ้น ดังนั้นเหรียญจึงมี ๒ ลักษณะ คือ รูปไข่ ด้านหลังเป็นตราครุฑ สร้างในวโรกาสพระราชพิธีรัชมังคลาภิเศก ส่วน รูปกลมรีด้านหน้าเป็นพระบรมรูปของพระเจ้าอยู่หัว ทรงม้าบนฐานอนุสาวรีย์ด้านหลังมีข้อความว่า “ ที่ระฤก ที่ได้ฉลองพระเดชพระคุณในงานรัชมังคลาภิเศก รัตนโกสินทร์ ๑๒๗ ” สร้างในวโรกาสเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์


ภาพพระบรมรูปทรงม้า ในระหว่างงานรัชมังคลาภิเษก เดือนพฤศจิกายน พศ ๒๔๕๑

ข้อมูลจำเพาะ

ลักษณะ เป็นรูปไข่ ขอบเรียบ

ด้านหน้า : เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงม้าอยู่บนฐานอนุสาวรีย์ ริมขอบมีพระปรมาภิไธย “ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ” และมีสายบัวรวนอยู่โดยรอบริมขอบ

ด้านหลัง : มีข้อความว่า “ ที่ระฦกที่ได้ ฉลองพระเดช พระคุณในงานรัชมังคลาภิเศกรัตนโกสินทรศก ๔๐๑๒๗ ”

ชนิด : ทองคำ เงิน บรอนซ์ เงินกาไหล่ทองลงยา เงินลงยา ขนาด กว้าง 23 มิลลิเมตร ยาว 29 มิลลิเมตร

Categories
King Rama VI พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญจักพรรดิมาลา

พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญจักพรรดิมาลา

พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญจักพรรดิมาลา

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พ.ศ. ๒๔๕๔ ๒๙ สิงหาคม ร.ศ. ๑๓๐

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นใหม่เรียกว่า “พระราชบัญญัติเหรียญจักพรรดิมาลา รัตนโกสินทรศก ๑๓๐” กำหนดการพระราชทานเหรียญนี้สำหรับข้าราชการพลเรือนที่รับราชการไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปี

นับตั้งแต่เข้ารับราชการให้เป็นบำเหน็จที่รับราชการมั่นคงยืนนานทำนองเดียวกับเหรียญจักรมาลาที่พระราชทานแก่นายทหารซึ่งรับราชการครบกำหนด ๑๕ ปี จึงสมควรแก้ไขพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับพระราชนิยมในระยะหลัง และแก้ไขรูปเหรียญให้เป็นคู่กันกับเหรียญจักรมาลาฝ่ายทหาร กล่าวคือ มีลักษณะเป็นรูปจักร ด้านหน้า มีพระรูปพระครุฑพ่าห์อยู่ในวงจักร ด้านหลัง มีรูปช้างอยู่ในวงจักร มีอักษรจารึกวงรอบว่า “บำเหน็จแห่งความยั่งยืนและมั่นคงในราชการ” ข้างบนมีเข็มวชิราวุธห้อยกับแพรแถบสีแดง ขอบสีเหลืองกับเขียว

มีเข็มเงินเบื้องบนแพรแถบจารึกอักษรว่า “ราชสุปรีย์” สำหรับประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย และผู้ที่ได้รับพระราชทานนี้ได้รับประกาศนียบัตรเป็นสำคัญด้วย ส่วนผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญจักรมาลาแล้วไม่ต้องรับพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาอีก หรือได้รับพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลารัชกาลที่ ๕ ก็โปรดเกล้าฯ ให้คงใช้อย่างนั้นต่อไป

Categories
King Rama VI พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญดุษฎีมาลา

พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญดุษฎีมาลา

พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญดุษฎีมาลา

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขเหรียญดุษฎีมาลาให้มีขนาดย่อมกว่าเดิม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓.๑ เซนติเมตร สูง ๓.๙ เซนติเมตร ส่วนลักษณะอื่นคงเดิม

พ.ศ. ๒๔๕๔ ร.ศ. ๑๓๐

ทรงพระราชดำริว่า เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่นั้นเป็นการเฉพาะในรัชกาลนั้น ถ้าจะพระราชทานในรัชกาลของพระองค์เป็นการขัดอยู่

จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างดวงตราสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์ขึ้นใหม่ เรียกว่า ตราวชิรมาลา ตามพระราชบัญญัติตราวชิรมาลา รัตนโกสินทรศก ๑๓๐ ได้บัญญัติว่าตราวชิรมาลานี้

สำหรับพระราชทานผู้ที่ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณในพระองค์ และรัชทายาท และราชตระกูล โดยความจงรักภักดีที่จะให้เป็นคุณประโยชน์ เป็นพระเกียรติยศในพระองค์และราชตระกูล

Categories
King Rama VI พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญราชรุจิรัชกาลที่ ๖

พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญราชรุจิรัชกาลที่ ๖

พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญราชรุจิรัชกาลที่ ๖

King Vajiravudh’s Rajaruchi Medal (Rama VI)

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญราชรุจิรัชกาลที่ ๖ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔

เหรียญนี้มีรูปลักษณะและลวดลายเหมือนเหรียญราชรุจิรัชกาลที่ ๕ ต่างแต่ด้านหน้ามีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีอักษรที่ริมขอบว่า  “วชิราวุโธ ปรมราชาธิราชา”

ห้อยแพรแถบสีขาบเข้ม กว้าง ๓.๑ เซนติเมตร สำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า (บุรุษ) ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานฝ่ายใน (สตรี) แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย

ปัจจุบันเป็นเหรียญที่พ้นสมัยพระราชทาน

Categories
King Rama VI พ.ศ.๒๔๕๔ เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๖

พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๖

พ.ศ. ๒๔๕๔ เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๖

King Vajiravudh’s Coronation Medal (Rama VI)

เป็นเหรียญกลม มี ๒ ชนิด เป็นเหรียญกะไหล่ทองและเหรียญเงิน
ด้านหน้า ตรงกลางประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีอักษรที่ขอบว่า “มหาราชา ปรเมน.ทรมหาวชิราวุโธ ส.ยามรช.ชการี พุท.ธสาสนุปต.ถม.ภโก”

ด้านหลัง มีอักษรว่า “ที่รฦกงานบรมราชาภิเศก วันที่ ๒ ธันวาคม ร.ศ. ๑๓๐ พุทธสาสนกาล ๒๔๕๔” ใช้ห้อบกับแพรแถบริ้วสีเหลืองกับดำสลับกัน กว้าง ๓ เซนติเมตร ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญ บรมราชาภิเษกขึ้นเป็นครั้งแรก ปีกุน ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔) สำหรับพระราชทานเป็นเหรียญที่ระลึกในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชของพระองค์และถือเป็นราชประเพณีสืบมาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลจะทรงสร้างเหรียญบรมราชาภิเษกของพระองค์สืบต่อมา

ปัจจุบันเป็นเหรียญที่พ้นสมัยพระราชทาน