Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 เหรียญพระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอกษฮิบิชัน - เหรียญที่ ระลึกเหยญแรก ที่มีพระรูปของ พระ บรมราชเทวี

พ.ศ.๒๔๒๕เหรียญพระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอกษฮิบิชัน – เหรียญที่ระลึกเหรียญแรกที่มีพระรูปของพระบรมราชเทวี

พ.ศ.๒๔๒๕ (จ.ศ.๑๒๔๔) เหรียญพระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอกษฮิบิชัน – เหรียญที่ระลึกเหรียญแรก ที่มีพระรูปของพระบรมราชเทวี

นปี พ.ศ. ๒๔๒๕ อันเป็นปีที่ครบ ๑๐๐ ปี แห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์โปรกเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีสมโภชพระนครและมีกิจกรรมหลายอย่าง กิจกรรมอย่างหนึ่งซึ่งนับเป็นสีสันของงาน คือ จัดให้มีงานพิพิธภัณฑ์เป็นการนำสินค้าพื้นเมืองของสยามมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการให้ประชาชนชม ที่เรียกว่า “เอ็กซ์ฮิบิเชน” (Exhibition) ที่ท้องสนามหลวงซึ่งคล้ายกับการแสดงสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันนี้โดยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธ์วงศ์วรเดช๒๔ ทรงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการจัดงาน


ทั้งนี้ให้มีการเตรียมการล่วงหน้า ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๒๔ เป็นเวลา ๑ ปี โปรดเกล้าฯ ให้ชักชวนประชาชนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ ดดยนำสิ่งของมาร่วมจัดแสดงอีครั้งหนึ่งเพื่อต้องการให้ประชาชนได้ระลึกถึงของต่างๆ ที่ผลิตได้ในสมัยนั้นเป็นของหายากใน ๑๐๐ ปี ที่ผ่านมา ประชาชนควรยินดีที่บ้านเมืองเจริญขึ้น งานนี้เริ่มในวันที่ ๒๖ เมษายน จนถึงวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๔๒๕ เป็นเวลา ๕๒ วัน ในวันเปิดงาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้วยขบวนรถ ประทับพลับพลาจตุรมุข ณ ท้องสนามหลวงทรงประกาศเปิดงานและพระราชดำเนินทอดพระเนตรสิ่งของต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง


เรื่อง ราวเกี่ยวกับการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ คาร์ล บ็อค ได้บันทึกรายละเอียดไว้ในหนังสือ ทำให้เราทราบว่าในงานนี้มีการสร้างประรำด้วยไม้ไผ่หลายหลัง มีรั้วไม้ไผ่กั้นโดยรอบและแบ่งเป็นห้องๆ ของที่นำมาแสดงมีประมาณ ๔๐ ชนิด มีของน่าชมอยู่หลายห้อง เช่น เครื่องเพชร พลอย เครื่องเงิน การแสดงหุ่นในเครื่องแต่งกายแบบต่างๆ ภาพเขียน เครื่องมุข เครื่องจักสาน งาช้าง เครื่องมือประมง แร่ธาตุต่างๆ อาวุธ เหรียญและเงินโบราณ ตลอกจนพืชพันธุ์ ของป่า

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ในการฉลองพระราชพิธีสมโภชพระนครครั้งนั้น โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญที่ระลึกหลายประเภทในส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการนี้ ได้สร้างเหรียญที่ระลึกอย่างหนึ่งเรียกว่า เหรียญที่ระลึก พระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอกษฮิบิชัน (National Exhibition) สำหรับพระราชทานแก่ผู้ช่วยงาน เป็นเหรียญขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เหรียญนี้ยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เป็นเหรียญที่ระลึกเหรียญแรก ที่มีพระรูปของพระบรมราชเทวี

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

เหรียญที่นำมาให้ดู เป็นทั้งชนิดเนื้อเงิน และเนื้อทองแดง

ข้อมูลจำเพาะ
ลักษณะ กลมแบน ขอบเรียบ
ด้านหน้า เป็นพระบรมรูปครึ่งพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาบรมราชเทวีผินพระพักตร์ทางซ้ายของเหรียญ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่อง “มหาสวามิศราบดี” แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงสายสร้อยมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุฬจอมเกล้า ซึ่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลจักรีบรมราชวงศ์นี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนั้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพะบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ในวาระที่ทรงสถาปนากรุงเทพฯ ครบ ๑๐๐ ปี ส่วนพระบรมรูปของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พะรบรมราชเทวีทรงเครื่อง “มหาสวามินี” ประดับดารา ช้างเผือกหรือมงกุฏไทยริมขอบ เป็นพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยจุฬาลงกรณ์บรมราชาธิราชสว่างวัฒนาบรมราชเทวี
ด้านหลัง ตอนบนของเหรียญเป็นรูปมหาจักรีประกอบด้วยจักร ๑๐ กลีบ กลีบจักรเวียนซ้าย เปล่งรัศมีโดยรอบมีรูปตรีศูลระหว่างกลีบจักรกลางวงจักรเป็นรูปปทุมอุณาโลมอันเป็น พระราชสัญลักษณ์พะบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตอนกลางของเหรียญเป็นรูปเทวดาสององค์ยืนบนแท่นถือพระขรรค์ และยึดชายผ้าองค์ละมุม ตอนกลางผ้าเว้นว่างเพื่อจารึกชื่อผู้ที่ได้รับพระราชทานรางวัลผ้านี้อยู่เหนือช้างไอราพตยืนบนแท่นเดียวกันอันหมายถึงพระราชอาณาจักร ริมขอบมีข้อความว่า “การแนชั่นนาลเอกษฮิบิชัน” ณ. ท้องสนามหลวงกรุงเทพฯ ๑๒๔๔ ตอนล่างมีข้อความว่า “สำหรับพระราชทานผู้ช่วยในการ” และมีลายดอกไม้อยู่ล่างสุด
ชนิด เงิน – ทองแดง
ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง 59 มิลลิเมตร

Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๒๕ (จ.ศ.๑๒๔๔) เหรียญที่ระลึกในการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พ.ศ.๒๔๒๕ (จ.ศ.๑๒๔๔) เหรียญที่ระลึกในการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พ.ศ.๒๔๒๕ (จ.ศ.๑๒๔๔) เหรียญที่ระลึกในการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เหรียญที่ระลึกในการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือนักสะสมหลายท่านเรียกเหรียญฉลองวัดพระแก้วครบร้อยปี เป็นเหรียญที่ระลึกสร้างในวโรกาสที่ฉลองพระนครครบร้อยปี


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงโปรดฯให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้น และจัดให้มีงานฉลองไปพร้อมกับการสมโภชน์พระนคร จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างเหรียญนี้ขึ้นเพื่อพระราชทานให้แก่ผู้มาช่วยเหลือในงาน อนึ่ง เหรียญนี้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 71 มม ซึ่งจัดเป็นเหรียญขนาดใหญ่ที่สุด ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕

หมายเหตุ เหรียญนี้มีปลอมเยอะมาก บล็อคปลอมมีการแต่งแม่พิมพ์จนกระทั่งตัวหนังสือ และพระรูป มีลายเส้นลึกกว่าของจริง จนดูแข็งกระด้าง ของจริงจะดูพริ้วเป็นธรรมชาติกว่า
และเนื้อทองแดงของแท้ มักจะมีรอยร้าว แยกตามขอบเหรียญ คงเป็นมาตั้งแต่ตอนผลิตแล้ว รวมถึงขอบเหรียญก็แตกต่างกัน ลองสังเกตุจากภาพขยาย

ตัวอย่างเหรียญ ชนิด ต่างๆ

  • เนื้อเงิน
  • เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
  • เนื้อทองแดงกะไหล่เงิน
  • เนื้อทองแดงในกล่องไม้

ข้อมูลจำเพาะ
ลักษณะ 
: กลมแบน ขอบเรียบ
ด้านหน้า : เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครึ่งพระองค์ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้ายของเหรียญ ฉลองพระองค์พลเรือน
(แบบที่เรียกว่า “เสื้อยันต์”) ทรงสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก พระมหาสังวาล์ยนพรัตน์ราชวราภรณ์ ทรงสายสร้อยมหาจักรีบรมรชาวงศ์ (สายบน) ถัดลงมาเป็นสายสร้อยจุลจอมเกล้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย ริมขอบเป็นพระปรมาธิไธย
“สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษรัตนราชวิวงษ์ วรุตมพงษ์บริบัตร วรขัติราชบิโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ด้านหลัง : เป็นภาพวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ด้านทิศตะวันออกเบื้องล่างมีข้อความว่า “ การฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จุลศักราช ๑๒๔๔ ” ริมขอบมีข้อความว่า “เป็นที่รฤกในการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธอปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ” ซึ่งชำรุดปฏิสังขรณ์มาช้านาน ตั้งแต่วันที่ ๓ฯ๑ ๒ ค่ำปีเถาะ เอกศก ๑๒ ถึงวัน ๓ฯ๑๖ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก๑๕ แล้วเสร็จบริบูรณ์
ชนิด : ทองคำ – เงิน – ทองแดง
ขนาด : เส้นผ่านศูนย์กลาง 71 มิลลิเมตร

Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๒๕ (ร.ศ.๑๐๑) เหรียญดุษฎีมาลา หรือเหรียญทรงยินดี และเข็มกล้าหาญ

พ.ศ.๒๔๒๕ (ร.ศ.๑๐๑) เหรียญดุษฎีมาลา หรือเหรียญทรงยินดี และเข็มกล้าหาญ

พ.ศ.๒๔๒๕ เหรียญดุษฎีมาลา หรือเหรียญทรงยินดี และเข็มกล้าหาญ

จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึก (เรียกกันง่ายๆว่าเหรียญแพรแถบ) ใช้อักษรย่อ ร.ด.ม. (ศ) เป็นเหรียญบำเหน็จความชอบในราชการ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พศ๒๔๒๕ อันเป็นมหามงคลสมัยซึ่งบรรจบครบรอบร้อยปีที่หนึ่ง นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนากรุงเทพพระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ฯ และทรงเริ่มพระบรมราชจักรีวงศ์สืบรัตนราไชยมไหศวรรย์ยั่งยืนต่อมาจนถึงรัชกาลของพระองค์ท่าน ในครั้งนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องราชอิสริยยศ เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีนามว่า “เครื่องราชอิยริยยศอันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์” สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ดำรงรักษาราชประเพณี และรักษาความสามัคคีในราชตระกูลยั่งยืนรุ่งเรืองสืบมา พร้อมกันนั้นทรงมีพระราชดำริว่า ข้าราชการที่ได้รับราชการมาด้วยดี มีความสามารถ ทำคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ราชการนั้น ควรจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศด้วย จึงทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ให้สร้างเหรียญเครื่องประดับชื่อ “ดุษฎีมาลา” สำหรับพระราชทานทหาร พลเรือนตามความดีความชอบ

ตามพระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา พศ๒๔๒๕ กำหนดให้มีเข็มพระราชทาน ประกอบกับเหรียญรวม ๕ ชนิด สำหรับใช้กลัดติดกับแถบแพร เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงคุณสมบัติพิเศษตามสาขาความชอบแห่งผู้ได้รับพระราชทาน ดังนี้

๑ เข็มราชการในพระองค์,  ๒ เข็มราชการแผ่นดิน, ๓ เข็มศิลปวิทยา, ๔ เข็มความกรุณา, ๕ เข็มกล้าหาญ

จากการค้นคว้าในพระราชบัญญัตติ เครื่องอิศริยศ สำหรับความดีความชอบ เหรียญดุษฎีมาลา พบมาตราที่เกี่ยวข้องกับเข็มกล้าหาญระบุไว้ดังนี้ (ใช้ภาษาตามต้นฉบับเดิม)….

….มาตรา ๑๑ เข็มที่ จาฤก ว่า กล้าหาญนั้น

ไว้สำหรับพระราชทานออฟฟีชเชอร์นายทหารผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งบกและเรือ แลข้าราชการที่เข้ากองทับกับทหารไปรเวทลูกเรือกระลาสีในเรือรบหลวง แลขุนหมื่นกรมการไพร่หลวงไพร่สม ที่เข้ากองทับรับราชการต่อสู้ฆ่าศึกศัตรู ได้กระทำการแขงแรงสำแดงความกล้าเปนการปรากฏต่อสู้ฆ่าศึกศัตรูโดยความภักดี ป้องกันรักษบ้านเมืองเปนที่เกิดของตน จึ่งจะพระราชทานเข็มที่จาฤกว่ากล้าหาญ ให้ตามเหตุการที่กำหนดต่อลงไปดังนี้

ข้อ ๑ ถ้ากองทับบกทับเรือก็ดี ได้กระทำการรบต่อสู้ฆ่าศึกศัตรูโดยความกล้าหาญต่อหน้าแม่ทับนายกองก็ดี ก็ให้แม่ทับนายกองจดชื่อออฟฟีชเชอร์ แลทหารแลความกล้าที่ได้กระทำนั้น มีไบบอกให้นำกราบบังคมทูลพระกรุณาโดยเร็ว ทรงทราบความแล้วจะทรงพระราชดำหริห์เหนสมควร ที่จะพระราชทานเหรียญดุษดีมาลา แลเขมไปให้แม่ทับนายกองผู้บังคับการ พระราชทานผู้มีความชอบประดับตัวในที่ประชุมทหาร แลอ่านคำประกาศที่ผู้มีความชอบได้กระทำสำแดงความกล้าหาญให้ทราบทั่วกัน แลให้แม่ทับนายกองจดชื่อ แลความดีความชอบไว้ในสมุดสำหรับกองทับ แล้วให้คัดสำเนาส่งมายังออฟฟีชหลวง เจ้าพนักงานจะได้คัดลงในสมุดสำหรับเหรียญดุษดีมาลา แล้วส่งสำเนาไปลงในราชกิจจานุเบกษา เสมอทุกคราวพระราชทานไป

ข้อ ๒ ถ้าผู้ที่ได้ทำการสำแดงความที่ได้กล้าหาญมิได้อยู่ในที่ต่อหน้าแม่ทับ ผู้บังคับการดังกล่าวมาแล้ว ผู้ที่สำแดงความกล้า อยากจะได้รับพระราชทานเกียรติยศอันนี้แล้ว ก็ได้แจ้งความตามที่ตนได้กระทำทดลองทุกอย่าง ให้เปนที่เชื่อยินดีแก่กัปตันนายกองนายร้อยที่ตนอยู่ในบังคับ ให้จดหมายแจ้งความไปยังผู้บังคับกองทับตามเหตุการ ซึ่งทหารนายกองของตนได้สำแดงความกล้าหาญ แม่ทับกับนายกองพิจารณาเหนสมควรแล้ว ก็ให้มีใบบอกขอมายังเสนาบดีตามกรมขึ้นนำกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงพระราชดำริห์เหนชอบแล้ว ก็จะพระราชทานให้แล้วให้แม่ทับนายกองประพฤฒการตามบังคับไว้ในข้อ ๑

ข้อ ๓ ถ้าทหารบกก็ดีเรือก็ดี เปนหมู่กันไม่เกินกว่า ๕๐ คน ฤๅกองทับกองใดกองหนึ่งที่เรียกตามภาษาอังกฤษว่า กอมปนี ตรุบสควด ดรอนแบลกเลียน รยิเมนต์ บริเคด หนึ่งใดก็ดี ได้สำแดงความกล้าหาญด้วยกันทั้งหมู่ทั้งกอง ยากที่จะเลือกผู้ที่กล้าหาญองอาจได้ แล้วก็ให้แม่ทับนายกองที่บังคับหมู่กองนั้น บังคับให้ออฟฟีชเชอร์เลือกกันเอง ตามออฟฟีชเชอร์นายหนึ่ง นอนกอมมิชันออฟฟีชเชอร์เลือกในพวกกันเอง ๒ นาย ไพร่ทหารเลวเลือกในพวกกันเอง ๔ นาย ที่ควรจะได้รับเหรียญประดับความชอบนี้ เมื่อออฟฟีชเชอร์และทหารเลือกได้ผู้ที่ควรจะได้รับเหรียญเครื่องประดับแล้ว ให้จดชื่อมอบให้แก่แม่ทับนายกองๆ มีใบบอกส่งมายังผู้บังคับการใหญ่ฝ่ายทหาร ฤๅตามกรมขึ้นให้กราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระราชดำหริห์เหนสมควรแล้วจะพระราชทานให้

ข้อ ๔ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใด ได้สำแดงความกล้าหาญเปนการที่นอกจากกำหนดไว้ ตามบังคับทั้ง ๓ ข้อ แต่การนั้น เปนเหตุปรากฏที่สมควร ซึ่งจะได้เหรียญเครื่องประดับนี้ ก็ให้อรรคมหาเสนาบดีกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงพระราชดำริห์วินิจฉัยเหนชอบแล้วที่จะพระราชทานให้ตามความชอบความควร แต่การที่เกิดดังนี้ ผู้ที่จะได้รับรางวันนั้นต้องทดลองชี้แจงสำแดงความให้ปรากฏว่า ได้กระทำความกล้าหาญจริงแท้ตามคำขอ

ข้อ ๕ ถ้าผู้ที่ได้รับเหรียญเครื่องประดับนี้ มิใช่ออฟฟีชเชอร์ที่มีตราตั้ง แลข้าราชการซึ่งมีสัญญาบัตรแล้ว เปนแต่นอนกอมมิชันออฟฟีชเชอร์ แลทหารไปรเวทกรมการขุนหมื่นไพร่หลวงไพร่สม ก็จะพระราชทานเบี้ยหวัดให้เปนเบี้ยเลี้ยง ให้ปีละ ๑๒ ตำลึงจนตลอดอายุ ถ้าได้ทำความชอบโดยความกล้าหาญอีก ได้รับพระราชทานเข็มเดิมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ ที่จะพระราชทานเบี้ยหวัดเปนเบี้ยเลี้ยงเพิ่มให้อีก ๖ ตำลึง ทุกๆคราวความชอบที่ได้รับพระราชทานเข็มเพิ่มเติม

ข้อ ๖ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใด ได้สำแดงความกล้าหาญ ซึ่งควรจะได้รับพระราชทาน เหรียญเครื่องประดับนี้แล้วมุนนายผู้บังคับการบดบังความชอบเสีย หาเสนอให้ไม่นั้น ที่ให้ผู้นั้นทำฎีกาทูลเกล้าฯถวาย จะโปรดเกล้าฯให้มีตระถาการสืบพิจารณาให้ได้ความจริง ทรงพระราชดำริห์วินิจฉัยเหนสมควรแล้ว ก็จะพระราชทานให้ต่อพระหัตถ์
จากการค้นคว้าในพระราชกิจจานุเบกษา พบหลักฐานการพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มกล้าหาญ จำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับเข็มศิลปวิทยา


หมายเหตุ: ขอขอบคุณ พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระนคร สำหรับความเอื้อเฟื้อด้านข้อมูลพระราชบัญญัตติ เครื่องอิศริยศ สำหรับความดีความชอบ เหรียญดุษฎีมาลา

Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๒๕ (ร.ศ.๑๐๑ เหรียญดุษฎีมาลา หรือเหรียญทรงยินดี และเข็มศิลปวิทยา

พ.ศ.๒๔๒๕ (ร.ศ.๑๐๑) เหรียญดุษฎีมาลา หรือเหรียญทรงยินดี และเข็มศิลปวิทยา

พ.ศ.๒๔๒๕ (ร.ศ.๑๐๑) เหรียญดุษฎีมาลา หรือเหรียญทรงยินดี และเข็มศิลปวิทยา

จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึก (เรียกกันง่ายๆว่าเหรียญแพรแถบ) ใช้อักษรย่อ ร.ด.ม. (ศ) เป็นเหรียญบำเหน็จความชอบในราชการซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พศ.๒๔๒๕


อันเป็นมหามงคลสมัยซึ่งบรรจบครบรอบร้อยปีที่หนึ่งนับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนากรุงเทพพระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ฯและทรงเริ่มพระบรมราชจักรีวงศ์สืบรัตนราไชยมไหศวรรย์ยั่งยืนต่อมาจนถึงรัชกาลของพระองค์ท่าน ในครั้งนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องราชอิสริยยศ เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีนามว่า “เครื่องราชอิยริยยศอันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์”

สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ดำรงรักษาราชประเพณี และรักษาความสามัคคีในราชตระกูลยั่งยืนรุ่งเรืองสืบมา พร้อมกันนั้นทรงมีพระราชดำริว่าข้าราชการที่ได้รับราชการมาด้วยดีมีความสามารถทำคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ราชการนั้นควรจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศด้วย


จึงทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ให้สร้างเหรียญเครื่องประดับชื่อ “ดุษฎีมาลา” สำหรับพระราชทานทหาร พลเรือนตามความดีความชอบ

ตามพระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา พศ๒๔๒๕ กำหนดให้มีเข็มพระราชทาน ประกอบกับเหรียญรวม ๕ ชนิด สำหรับใช้กลัดติดกับแถบแพร เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงคุณสมบัติพิเศษตามสาขาความชอบแห่งผู้ได้รับพระราชทาน ดังนี้
๑. เข็มราชการในพระองค์,
๒. เข็มราชการแผ่นดิน
๓. เข็มศิลปวิทยา
๔. เข็มความกรุณา
๕. เข็มกล้าหาญ

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

เหรียญที่นำมาลงให้ดูนี้ มีเข็มศิลปวิทยากลัดติดมาในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เหรียญนี้พระราชทานมาพร้อมกล่องตราแผ่นดิน ด้านในระบุผู้จัดทำเหรียญไว้ชัดเจนว่า Wyon แห่ง London แต่เหรียญในยุครัชกาลที่ ๖ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า จะผลิตโดย Benson (เบนซอน)

เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

จากการค้นคว้า ในหนังสือ “เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา” ซึ่งจัดพิมพ์โดยกรมศิลปากร เนื้อหาภายในจะระบุถึงรายนามผู้ได้รับพระราชทาน และวัน เวลา ที่ได้รับพระราชทานด้วย
นับจำนวนเหรียญชนิดทองคำได้ ๑๙ เหรียญ เงิน และเงินกะไหล่ทองได้ ๒๐๐ กว่าเหรียญ

ข้อมูลจำเพาะ

ลักษณะ : ทรงกลมรี
ด้านหน้า : เป็นพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตร์ทางซ้ายของเหรียญ ใต้พระรูปมีอักษรโรมันตัวจิ๋วว่า J.S. & A.B. WYON SC
ด้านหลัง : เป็นรูปพระสยามเทวาธิราช ทรงพระขรรค์ยืนแท่นพิงโล่ตราแผ่นดิน พระหัตถ์ขวาทรงพวงมาลัยจะสวมที่ตรงจารึกชื่อผู้ได้รับพระราชทาน
ชนิด : ทองคำ กะไหล่ทอง และเงิน
ขนาด : ขนาดกว้าง ๔.๑ ซม สูง ๔.๖ ซม

หมายเหตุ ปัจจุบันยังไม่พ้นสมัยพระราชทาน แต่เหรียญในยุคปัจจุบันมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม และรายละเอียดบางส่วนต่างไปจากเดิม

Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๒๖ (จ.ศ.๑๒๔๕) เหรียญที่ระลึกรัชกาลที่ ๔ เสมอรัชกาลที่ ๒

พ.ศ.๒๔๒๖ (จ.ศ.๑๒๔๕) เหรียญที่ระลึกรัชกาลที่ ๕ เสมอรัชกาลที่ ๒

พ.ศ.๒๔๒๖ เหรียญที่ระลึก รัชกาลที่ ๕ เสมอด้วยรัชกาลที่ ๒

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
ลักษณะ กลมแบน ขอบเรียบ
ด้านหน้า ทางซ้ายเป็นรูปอาร์มมีพระจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) เปล่งรัศมีอยู่บนพานแว่นฟ้า ซึ่งเป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทางขวาเป็นรูปอาร์มมีครุฑทรงเครื่องยุคนาค ซึ่งเป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
      พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างเหรียญที่ระลึกรัชกาลที่ ๕ เสมอรัชกาลที่ ๒ เนื่องด้วยพระองค์ทรงครองราชย์เป็นปีที่ ๑๕ เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นับปีเดือนวันที่ครองราชสมบัติเสมอ ร.๒ ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม จ.ศ.๑๒๔๕ พ.ศ.๒๔๒๖
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
ด้านหลัง กลางเหรียญมีข้อความว่า “จุลศักราช ๑๒๔๕” ริมขอบมีข้อความว่า “รัชกาลที่ ๕ เสมอด้วยรัชกาลที่ ๒”
 
ชนิด : ทองคำ เงิน
ขนาด : เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๓ มิลลิเมตร
สร้าง : พ.ศ. ๒๔๒๖
Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๒๘ (จ.ศ.๑๒๔๓) เหรียญที่ระลึก รัชกาลที่ ๕ เสมอด้วยรัชกาลที่ ๔

พ.ศ.๒๔๒๘ (จ.ศ.๑๒๔๓) เหรียญที่ระลึก รัชกาลที่ ๕ เสมอด้วยรัชกาลที่ ๔

พ.ศ.๒๔๒๘ เหรียญที่ระลึก รัชกาลที่ ๕ เสมอด้วยรัชกาลที่ ๔

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญที่ระลึก รัชกาลที่ ๕ เสมอด้วย รัชกาลที่ ๔ จุลศักราช ๑๒๔๗ เนื่องในวโรกาสที่ ทรงเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ ๑๗ (ระหว่างปี พศ ๒๔๑๑ ถึง ๒๔๒๘) ซึ่งเสมอด้วยรัชกาลที่ ๔ (ระหว่างปี พศ ๒๓๙๔ ถึง ๒๔๑๑) นับได้ ๖,๓๗๒ วัน ณ วันที่ ๒ เมษายน ๒๔๒๙ (ปฎิทินปัจจุบัน)

เหรียญที่นำมาลงให้ดูนี้ มีพิมพ์ตื้น และผ่านการใช้งานมา ถึงกระนั้นก็ตามที เหรียญนี้ก็จัดเป็นเหรียญเสมอที่ค่อนข้างหาดูได้ยากกว่าเหรียญเสมออื่นๆ

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ข้อมูลจำเพาะ

ลักษณะ : เป็นรูปไข่ มีห่วงเชื่อม
ด้านหน้า : ตรงกลางโล่มีรูปช้างสามเศียร มีช่อพุทธรักษา ๒ ข้าง มีพระอุณหิศอยู่ด้านบน ภายในพระอุณหิศมีอุณาโลมอยู่เหนือโล่ มีอักษรรอบขอบเหรียญว่า “ที่รฤกรัชกาลที่ ๕ เสมอด้วยรัชกาลที่ ๔” และมีอักษรด้านล่างว่า “จุลศักราช ๑๒๔๗”
ด้านหลัง : ตรงกลางมีรูปโล่อยู่ ๒ โล่ โล่ด้านซ้ายเป็นตราจุลมงกุฎ รองพาน ๒ ชั้น โล่ด้านขวาเป็นตราพระมหามงกุฎ รองพานอย่างเดียวกัน มีพระมหาสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ และมีช่อชัยพฤกษ์รอบนอก มีพระขรรค์กับธารพระกรไขว้กันอยู่ และมีพระอุณหิศอยู่เบื้องบน
ชนิด : เงิน กะไหล่ทอง ทองแดง
ขนาด : กว้าง 31 มิลลิเมตร ยาว 38 มิลลิเมตร

Categories
หมวดเหรียญไทยที่ออกโดยชาวต่างชาติ

พ.ศ. ๒๕๒๘ เหรียญที่ระลึก ๓๐๐ ปี ความสัมพันธ์ ไทย-ฝรั่งเศส

พ.ศ.๒๕๒๘ เป็นปีที่ประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศสได้ตกลงกันที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศที่ได้มีต่อกันมาเป็นเวลาอันยาวนานถึง ๓๐๐ ปี คือ นับตั้งแต่วันที่เชวาลิเอร์ เดอ โชมองต์ เอาอัครราชทูตวิสามัญ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ กับคณะได้เข้าเฝ้าฯ จำทูลพระราชสาส์นต่อพระหัตถ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ กรุงศรีอยุธยา ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๒๒๘เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศทั้งสองรัฐบาลไทยและฝรั่งเศสได้เห็นพ้องที่จะให้มีการฉลองเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งนั้นอย่างมโหฬาร โดยกำหนดให้ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตกิจกรรมในการฉลองนั้นทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับสูงของตนขึ้นเรียกว่า COMMITTEE FOR THE TRICENTENNIAL CELEBRATION OF FRANCE – THAI RELATION (คณะกรรมการงานฉลอง สามร้อยปีแห่งความสัมพันธ์ฝรั่งเศส – ไทย)     

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

 ฝ่ายไทย กระทรวงการต่างประเทศได้มอบให้ ฯพณฯ พันเอกพิเศษถนัด คอมันตร์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการระหว่างประเทศ เป็นประทานคณะกรรมการฝ่ายฝรั่งเศสก็มี ฯพณฯ ลุย โดจ ( HE.LOUIS DAUGE ) อดีต การทูตอาวุโส ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประทานสภากาชาดฝรั่งเศสเป็นประธานคณะกรรมการ กิจกรรมในการฉลองครั้งนี้ได้กระทำไปบ้างแล้วตั้งแต่ ต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ทั้งทางไทยและฝรั่งเศส
     เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อโครงการที่ทางประเทศฝรั่งเศสเสนอมาฝ่ายไทยจึงจำต้องตัดทอนให้เหลืออยู่เท่าที่จะทำได้ตามงบประมาณ โดยเฉพาะในด้านศิลปะบางแขนงที่พอจะอวดชาวต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิต่อการพิมพ์ดวงตราไปรษณียากรและการผลิตเหรียญที่ระลึก ( COMMEMO – RATIVE MEDALLIOIN ) ด้านเหรียญที่ระลึกนั้น ทั้งสองประเทศต่างพยายามอย่างเต็มที่ ในอันที่จะตีพิมพ์เหรียญที่ระลึกออกมาให้ทันเวลาตามที่กำหนดไว้ ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีความชำนิชำนาญมีชื่อเสียงมาแต่โบราณโรงกษาปณ์แห่งปารีส ( MANNAIE DE PARIS ) ได้ผลิตเหรียญที่ระลึกก่อนประเทศไทย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ 

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ลักษณะของเหรียญ : เป็นเหรียญกลมใหญ่ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘๑ มม. หนา ๖ มม .

ด้านหน้า :เป็นภาพขบวนแห่พระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชประดิษฐานอยู่ในบุษบก ติดตามด้วยคณะทูต ที่เห็นทางซ้ายสุดตอนล่างของเหรียญคือออกหลวงกัลยาณไมตรี อุปทูต (เห็นเพียงแต่ใบหน้า) คนกลาง คือ ออกพระวิสุทธ สุนทร (ปาน) เอกอัครราชทูต ถัดไปทางขวาคือออกขุนศรีวิศาลวาจา ตรีทูตขบวนแห่กำลังอยู่ในลาน หน้าพระราชวังแวร์ซายส์ ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๒๒๙ ท่ามกลางฝูงชนที่ออกมาดูอย่างร่าเริง ภาพนี้ผู้ออกแบบได้จำลองมาจากภาพเขียนโบราณ ของพิพิธภัณฑ์สถานฝรั่งเศส (รวบรวมอยู่ในหนังสือ “AN – NALES DU MUSEE GUIMET” ของ LUCIEN FOURNEREAU ) รอบเหรียญมีตัวหนังสือภาษาฝรั่งเศส “L’AM – BASSADE DU ROI DE SIAM A VERSAILLES 1 SEPTEMBRE 1686”

ด้านหลัง :เป็นตราแผ่นดินตอนบนเป็นตัวเลขปีคริสต์ศักราช “ ๑๖๘๕ ” และ “ ๑๙๘๕ ” ซ้อนกัน ตอนล่างมีข้อความเป็นภาษาฝรั่งเศส “TRICENTENAIREDES RELATIONS ENTRE LA FRANCE ET LA THAILANDE”

ชนิดโลหะ : เงินและบรอนซ์ ( BRONZE )

ผู้ออกแบบ : MICHEL PEDRON
ประเทศไทยนั้นเนื่องจาก ภาวะทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ผลิตเหรียญที่ระลึกในครั้งนี้ โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการวางแผนผลิต เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกหรือเหรียญที่ระลึก เพียงเพื่อมอบให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในงานฉลองโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีการจำหน่ายแก่นักสะสมเหรียญ และการผลิตได้สำเร็จเมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๕๒๙

Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๒๙ (จ.ศ.๑๒๔๘) เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสรงสนาน เฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุ ณหิศ สยามกุฎราชกุมาร

พ.ศ.๒๔๒๙ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสรงสนาน เฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช

พ.ศ.๒๔๒๙ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสรงสนาน เฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามกุฎราชกุมาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ในปี พศ๒๔๒๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้จัดงานพระราชพิธีสรงสนาน เฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ในขณะที่ทรงมีพระชนมายุได้ ๙ พรรษา ๖ เดือน และการพระราชพิธีครั้งนั้น ได้จัดขึ้นตามโบราณราชประเพณีทุกประการ

อนึ่ง เกี่ยวกับจำนวนเหรียญที่มีการพระราชทานนั้น จากการค้นข้อมูลใน จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พบบันทึกในวันอังคาร แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๓ (๑๘ มกราคม พศ ๒๔๒๙) ขอคัดย่อข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องมาดังนี้ “อนึ่ง เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดี พระยาพระหลวง ข้าราชการในกรุงหัวเมือง เจ้าประเทศราชเข้ามาเฝ้าทูลละอองทุลีพระบาทถวายคำนับหน้าพระที่นั่งนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานแจกเหรียญที่ระลึกในการพระราชพิธีมงคลนี้ทั่วกัน คือพระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์แจกเหรียญสายข้างเหนือคืดฝ่ายพลเรือน พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์แจกสายข้างใต้คือฝ่ายทหาร เหรียญที่แจกคราวนี้เป็นเหรียญ ทอง กะไหล่ เงิน บรอนซ์ โตกว่าเงินบาทหน่อยหนึ่ง หนากว่าสัก ๒ เท่า เหรียญนั้นด้านหนึ่งเป็นพระรูปสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงเครื่องอย่างวันฟังสวด ทรงพระเกี้ยวจุฬาลงกรณ์ มีหนังสือรอบว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศรวรมหาจุฬาลงกรณ์ เติมสร้อย วิบูลย์สวัสดิ์ศิริวัฒน์วิสุทธิ์ สยามมกุฎราชกุมาร อีกด้านหนึ่งเป็นรูปแพสรงสนาน มีหนังสือว่า ที่รฦกการพระราชพิธีลงสรง เฉลิมพระปรมาภิไธย ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ มีจำนวนที่ได้พระราชทานในเวลาวันนี้ประมาณ ๑,๐๐๐ เศษหลายร้อย” จากข้อมูลนี้ทำให้ทราบทั้งวันที่พระราชทาน และจำนวนที่ทรงพระราชทานโดยประมาณ

เหรียญที่นำรูปมาลงให้ดูนี้ เป็นชนิดเงิน สภาพผิวเดิมยังคงอยู่ คราบที่เห็นเป็นเพียงคราบความเก่า แต่ผิวเหรียญทั้งสองด้านมิได้เป็นรอยใดๆ และเหรียญนี้ได้พระราชทานมาพร้อมกล่อง

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
สภาพด้านหลัง

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
ภาพถ่ายอีกมุมหนึ่ง เพื่อให้เห็นผิวเดิมของเหรียญซึ่งเป็นลักษณะ proof คือเป็นการขัดเงาผิว แบบหนึ่ง ได้ชัดเจนขึ้น ของจริงจะออกสีปีกแมลงทับ
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

และภาพกล่องที่พระราชทานมาพร้อมกัน มีตราประจำพระองค์บนหน้ากล่อง ภาพถัดไปถ่ายคู่กับหนังสือจดหมายเหตุรายวัน ซึ่งเป็นบันทึกประจำวัน ของท่านเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ น่าทึ่งที่ทรงเริ่มบันทึกตั้งแต่พระชนมายุเพียง ๕ พรรษา! แสดงถึงการได้รับการอบรมอย่างดีเยี่ยมจากพระราชบิดา และกล่องพระราชทานนี้ มีจารึกนามของผู้รับพระราชทานไว้ด้านในฝากล่องด้วย

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ภาพแพลงสรงจำลอง ที่ปรากฏอยู่หลังเหรียญ ชมได้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพ

ภาพ ร๕ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามกุฎราชกุมาร เสด็จประทับพลับพลาท้องสนามไชย หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรค์ พระราชทานเหรียญที่ระลึก ระหว่างพระราชพิธีสรงสนานเฉลิมพระปรมาภิไธย สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในวันที่ ๑๘ มกราคม พศ ๒๔๒๙

ข้อมูลจำเพาะ

ลักษณะ : กลมแบน ขอบเรียบ
ด้านหน้า : เป็นพระบรมรูปสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ผินพระพักตร์เฉียงทางซ้ายของเหรียญทรงเครื่องอย่างขัตติยราชกุมาร ทรงพระเกี้ยวยอดจุฬาลงกรณ์ ริมขอบเป็นพระปรมาภิไธย “ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศรวรมหาจุฬาลงกรณ์บดินทรเทพวรางกูร บรมมกุฏนเรนทร์สูรย์ ขัตติยสันตติ อุกฤษพงษ์วโรโตสุชาติธัญญลักษณ์ วิลาศวิบูลย์ สวัสดิ์ศิริวัฒน์วิสุทธิ์ สยามมกุฎราชกุมาร ” ริมขอบล่างมีอักษรโรมันตัวจิ๋วว่า “ W .E.J.GAND ”
ด้านหลัง : เป็นรูปหุ่นจำลองแพลงสรง ริมขอบบนมีข้อความว่า “ ที่รฦกการพระราชพิธีลงสรง เฉลิมพระปรมาภิไธย ” ริมขอบล่างมีข้อความว่า “ ปีจออัฐศกศักราช ๑๒๔๘ ” ริมขอบล่างมีอักษรโรมันตัวจิ๋วว่า “ W .KULLRICH F ”
ชนิด : ทองคำ เงินกาไหล่ทอง เงิน ทองแดง
ขนาด : เส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มิลลิเมตร

Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5 พ.ศ.๒๔๓๑ (จ.ศ.๑๒๕๐) เหรียญที่ระลึกในพระราชพิธี เฉลิมพระสุพรรณบัฏ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

พ.ศ.๒๔๓๑ (จ.ศ.๑๒๕๐) เหรียญที่ระลึกในพระราชพิธี เฉลิมพระสุพรรณบัฏ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

พ.ศ.๒๔๓๑ เหรียญที่ระลึกในพระราชพิธี เฉลิมพระสุพรรณบัฏ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

เหรียญที่ระลึก พระราชพิธีเฉลิมพระสุพรรณบัฏ สถาปนาเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ขึ้นเป็นกรมขุนเทพทวาราวดี ปีพศ ๒๔๓๑ เมื่อพระชนมายุ ๘ พรรษา ทรงศักดินา ๕๐,๐๐๐ ไร่ ตามพระราชกำหนดอย่างสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าต่างกรม ทรงมีพระเกียรติยศเป็นที่สอง รองจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร

เหรียญนี้มีขนาด ศก ๓๗ มม หลายท่านเรียกว่า เหรียญจุกเดี่ยว หลังสิงห์ ขอบล่างด้านหน้า มีชื่อช่างแกะเหรียญ เป็นภาษาอังกฤษจารึกอยู่ เหรียญที่นำรูปมาลงให้ดูนี้ เป็นชนิดเนื้อทองแดงครับ

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

รูปแสดงชื่อช่างแกะพิมพ์เหรียญ (ผู้ผลิต) เป็นอักษรโรมันตัวจิ๋ว อยู่ทางขอบล่าง ด้านหน้าเหรียญ อนึ่ง เหรียญนี้มีการทำปลอมด้วยการ copy จากเหรียญจริงต้นแบบ แล้วทำแม่พิมพ์ปลอมด้วยเครื่อง EDM รายละเอียดจึงมีความใกล้เคียงกับของจริง แต่ตัวอักษรมักจะไม่คมชัด

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ข้อมูลจำเพาะ

ลักษณะ : กลมแบน ขอบเรียบ
ด้านหน้า : เป็นพระบรมรูปสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ผินพระพักตร์เฉียงทางซ้ายของเหรียญทรงเครื่องอย่างขัตติยราชกุมาร ทรงพระเกี้ยวยอดจุฬาลงกรณ์ ริมขอบเป็นพระปรมาภิไธย “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศรวรมหาจุฬาลงกรณ์บดินทรเทพวรางกูร บรมมกุฏนเรนทร์สูรย์ ขัตติยสันตติ อุกฤษพงษ์วโรโตสุชาติธัญญลักษณ์ วิลาศวิบูลย์ สวัสดิ์ศิริวัฒน์วิสุทธิ์ สยามมกุฎราชกุมาร ” ริมขอบล่างมีอักษรโรมันตัวจิ๋วว่า “ W .E.J.GAND ”
ด้านหลัง : เป็นรูปหุ่นจำลองแพลงสรง ริมขอบบนมีข้อความว่า “ ที่รฦกการพระราชพิธีลงสรง เฉลิมพระปรมาภิไธย ” ริมขอบล่างมีข้อความว่า “ปีจออัฐศกศักราช ๑๒๔๘” ริมขอบล่างมีอักษรโรมันตัวจิ๋วว่า “ W .KULLRICH F ”
ชนิด : ทองคำ เงินกาไหล่ทอง เงิน ทองแดง
ขนาด : เส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มิลลิเมตร



Categories
เหรียญในรัชกาลที่ 5

พ.ศ. ๒๔๓๒ เหรียญ “ทองสำริด” วชิรญาณ

พ.ศ. ๒๔๓๒ เหรียญ “ทองสำริด” วชิรญาณ

ทรงโปรดฯ ให้สร้างเหรียญวชิรญาณขึ้นสำหรับเป็นรางวัลแก่ผู้แต่งหนังสือดีและได้ตราเป็นพระราชบัญญัติอันมีข้อความต่อไปนี้ :
“ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๒ โปรดให้สร้างเหรียญวชิรญาณเป็นเหรียญทองสำริด มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์อยู่หน้าหนึ่ง อีกหน้าหนึ่งมีรูปพวงมาลัยในนั้นเป็นที่สำหรับจารึกนามผู้ที่ได้รับเหรียญสำหรับพระราชทานเป็นรางวัลในนามของหอพระสมุดวชิรญาณ แก่ผู้ซึ่งมีความอุตสาหะแต่งหนังสือหรือแปลหนังสือซึ่งมีประโยชน์แก่ทางความรู้

และควรเป็นแบบแผนสืบไปภายหน้าได้เป็นพยานยกย่องความดีความรู้และความอุตสาหะของผู้แต่งนั้นว่าได้ทำความชอบไว้ในวิชาหนังสือ สมควรเป็นที่สรรเสริญของบัณฑิตทั้งหลายและตราพระราชบัญญัติสำหรับเหรียญนั้นไว้ในหอพระสมุดฯ มีเนื้อความว่าสมาชิกหอพระสมุดวชิรญาณคนใดเห็นว่าหนังสือเล่มใดควรจะได้รับเหรียญวชิรญาณให้จดหมายแจ้งความต่อกรรมสัมปาทิกให้กรรมสัมปาทิกประชุมกันในเดือนเมษายนปีละครั้งเพื่อตรวจพิจารณาตัดสินรางวัลเหรียญวชิรญาณ เมื่อกรรมสัมปาทิกเห็นว่าหนังสือเรื่องใดควรได้รับเหรียญวชิรญาณบ้าง

ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอเรียนพระราชปฏิบัติถ้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระราชทานผู้ใดบ้าง เมื่อกรรมการประชุมสมาชิกที่หอพระสมุดวชิรญาณในวันกลางเดือน ๖ ซึ่งตรงกับวันราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้เชิญผู้ที่จะได้รับเหรียญวชิรญาณมารับในที่ประชุมสมาชิก ต่อมาไม่ได้จึงได้ส่งไป เหรียญวชิรญาณนั้นให้มีประกาศนียบัตรกำกับด้วย แต่คนหนึ่งจะรับเหรียญ ได้แต่เพียงเหรียญเดียว เมื่อได้รับแล้วต่อไปในวันหน้าถ้าผู้นั้นแต่งหนังสือดีสมควรจะได้รับอีก จะได้รับแต่ประกาศนียบัตรเป็นสำคัญทุกคราวไป อนึ่งถ้ากรรมสัมปาทิกเห็นว่าผู้ที่ได้รับเหรียญวชิรญาณสมควรจะได้รับการอุดหนุนด้วยทุนทรัพย์เป็นกำลังบ้าง ก็ให้ทุนทรัพย์ได้อีกโสดหนึ่งมีคราวละ ๘๐ บาทเป็นอย่างมาก ๒๐ บาทเป็นอย่างน้อย มีเนื้อความในพระราชบัญญัติสำหรับเหรียญดังนี้”

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ความงามของเหรียญนี้คงจะเป็นที่แสวงหาของบุคคลทั่วไป ที่ได้มีโอกาสพบเห็นในสมัยนั้นมาแล้ว ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวภาค ๑๕ หน้า ๗๘ มีข้อความว่า “วันพฤหัสบดีเดือน ๑๐ แรม ๑๑ ค่ำปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕ กรมหมื่นประจักษ์๑๖ ถวายหนังสือว่าด้วยนายหว่างมหาดเล็กน้ำร้อน ลักเหรียญพระสมุดวชิรญาณไปจากออฟฟิส ๒๐ เหรียญ ชำระเป็นสัตย์ ไถ่ของกลางได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทรงเซ็นให้เฆี่ยน ๕๐ทีจำคุก ๕ ปี” เมื่อพิจารณาโทษที่นายหว่างได้รับ เข้าใจว่าเหรียญวชิรญาณนี้ คงจะมีราคาค่างวดมิใช่น้อยในสมัยนั้น และก็เป็นการแน่นอนทีเดียวว่า ของกลางที่ยังหลงเหลืออยู่ในครั้งกระนั้น ใครจะกล้าปฏิเสธได้ว่า จะไม่ตกทอดมาถึงมือของบรรดานักสะสมเหรียญที่ระลึกทั้งหลายในปัจจุบันนี้ แม้กระนั้นก็ตามเหรียญนี้ก็ยังเป็นชิ้นสำคัญอันหายากยิ่ง (MUSEUM PIECE) แม้กระทั่งในศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปน์ไทยกรมธนารักษ์กระทรวงการคลัง ก็ยังไม่ปรากฎว่ามีเหรียญชุดนี้ตั้งแสดงให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชม

คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่

ลักษณะจำเพาะ

ลักษณะ : กลมแบนขอบเรียบ
ด้านหน้า : เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวระดับพระอุระ ผินพระพักตร์ทางซ้ายของเหรียญ ริมขอบเป็นพระปรมาภิไธย “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ด้านหลัง : มีพระมหาพิชัยมงกุฏพิมพ์นูนอยู่เบื้องบน ใต้พระมหาพิชัยมงกุฏเป็นรูปโบว์เล็ก ทอดชายคลี่ออกทั้งสองข้าง กลางเหรียญเป็นแพรแถบม้วนหัวท้าย ว่างไว้สำหรับจารึกชื่อผู้ที่จะได้รับพระราชทานรางวัล
ชนิด ทองสำริด
ขนาด : เส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร
สร้าง : วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2432
สร้างสำหรับพระราชทานเป็นรางวัลในนามของหอพระสมุดวชิรญาณแก่ผู้มีความอุตสาหะในการแต่งหนังสือ หรือแปลหนังสือซึ่งมีประโยชน์ทางวรรณคดี


เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่ได้โปรดให้สร้างเหรียญวชิรญาณ สำหรับเป็นรางวัลแก่ผู้แต่งหนังสือดีนี้แล้ว ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังไม่มีผู้ใดได้รับพระราชทานรางวัลตามพระราชบัญญัติ จวบจนกระทั่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2459 ก่อนงานพิธีย้ายหอพระสมุดวชิรญาณ “ตึกถาวรวัตถุ” ริมถนนหน้าพระธาตุนั้น กรรมการหอพระสมุดวชิรญาณปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า ควรทูลเกล้าฯถวายเหรียญวชิรญาณแด่พะรบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการยกย่องหนังสือ “พระนลคำหลวง” ซึ่งพระราชนิพนธ์ในปีนั้นเป็นฤกษ์ก่อน ต่อจากนั้นไม่ปรากฎว่ามีผู้ใดได้รับพระราชทานอีกเลย