พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญพระปฐมปาฏิหาริย์


พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญพระปฐมปาฏิหาริย์
พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญฉลองกู่
พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญสามัคยาจารย์สมาคม
สามัคยาจารย์สมาคมตั้งอยู่ ณ บริเวณโรงเรียนสวนกุหลาบ เริ่มจัดตั้งเมื่อวันที่ 15 กันยายน ร.ศ. 121 แต่ได้จัดเป็นสมาคมอย่างแท้จริง มีการตั้งกรรมการและรับสมัครสมาชิก เมื่อวันที่ 6 มกราคม ร.ศ. 123 วัตถุประสงค์ของสมาคมมี 3 ประการ คือเพื่อเป็นบ่อเกิดแห่งศิลปวิทยา เป็นที่ประชุมข้าราชการและเพื่อนข้าราชการทั่วประเทศ และเป็นที่ประชุมจัดกิจกรรมสันทนาการ สมาชิกของสามัคยาจารย์สมาคมในปีแรกมีจำนวน 213 คน มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางวิชาการให้แก่สมาชิกเป็นประจำ สำหรับสมาชิกในต่างจังหวัดจะได้รับความรู้โดยทางหนังสือพิมพ์วิทยาจารย์ ซึ่งเป็นหนังสือนิตยสารของสมาคม อาคารสามัคยาจารย์ชั้นล่างใช้เป็นที่ประชุมแสดงปาฐกถาและบรรยายงานวิชาการ ชั้นบนเป็นห้องสมุดและที่ทำงานของคุรุสภาระหว่างปี พ.ศ. 2489 – 2502
อนึ่ง เหรียญสามัคยาจารย์สมาคมนี้ ได้ถูกใช้เป็นรางวัลหมั่นเรียนด้วย โดยมอบให้นักเรียนที่มาเรียนอย่างสม่ำเสมอ มีทั้งชนิดเหรียญเงิน และทองแดง ขึ้นกับระดับความหมั่นเรียน ด้านหลังมักจะจารึกชื่อนักเรียน ซึ่งเป็นเด็กชาย หรือเด็กหญิงไว้
พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ.๑๒๘ ) เหรียญที่ระลึกในงานพระราชพิธีพระชนมายุศม์มงคล
พ.ศ.๒๔๕๒ ( รศ. ๑๒๘ ) เหรียญที่ระลึกเสด็จประพาศมณฑลฝ่ายใต้
พ.ศ.๒๔๕๒ (ร.ศ.๑๒๘) เหรียญที่ระลึกในงานพระศพพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษรัชสมโภช พร้อม ยู่อี่ และ เหรียญอรุณเทพบุตร
พระองค์เจ้าอุรุพงษรัชสมโภช ประสูติวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๖ เป็นพระโอรสองค์ที่ ๒ ในเจ้าจอมมารดาเลื่อน (นิยะวานนท์) สิ้นพระชนม์พระชันษาเพียง ๑๗ ปี (นับแบบประเพณีโบราณ) เมื่อ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๒ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชบิดา แต่เป็นวันโศกเศร้ายิ่งของพระองค์ และ อีกเพียงปีเดียว สมเด็จพระราชบิดาก็เสด็จสวรรคตประมาณ ๑เดือน หลังจากทำบุญครบปีวันสิ้นพระชนม์ของพระราชโอรสพระองค์นี้ พระองค์เจ้าอุรุพงษฯ เป็นพระราชโอรส ที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดปรานและเอ็นดูมาก (คงเช่นเดียวกับพ่อแม่ท่านอื่นๆยิ่งท่านมีพระราชโอรสธิดา ในตอนพระชนมายุมากขึ้นท่านคงจะรักเอ็นดูพระองค์น้อยๆทบทวีคูณ)
เหรียญที่นำมาลงให้ดูนี้มีสองแบบ แบบแรกเป็นชนิดหน้าพระรูปของพระองค์เจ้าฯ เนื้อเงินกะไหล่ทอง กับอีกแบบเป็นหน้าอรุณเทพบุตร ชนืดเนื้อเงิน ในตำราส่วนใหญ่ รวมถึงตำราของกองกษาปณ์ มักจะมีรูปให้ดูเฉพาะชนิดหน้าพระรูปเท่านั้น ส่วนอรุณเทพบุตรจะไม่ค่อยพบเห็น
เหรียญอรุณเทพบุตร ด้านหลังเหมือนกัน พอดีมีผู้อธิบายตำนานอรุณเทพบุตรไว้ จึงขอนำมาลงไว้ที่นี้ครับ (ถ้าขี้เกียจอ่าน ก็ข้ามไปได้เลย) ” พญานาคตามวรรณคดีนั้นคืออมนุษย์พวกหนึ่งเป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์ เป็นเจ้าแห่งงูอยู่ในบาดาลคือ ใต้แผ่นดินที่เรา อาศัยอยู่ลึกลงไปรูปร่างโดยทั่วไปเป็นงูใหญ่แต่มีเกล็ดและมีหงอนงามมาก พญานาคนั้นเป็นโอรสของพระกัสยปเทพบิดร (ซึ่งเป็นโอรสของพระพรหมอีกทีหนึ่ง) กับนางกัทรุ (ธิดาของพระทักษะประชาบดี) เมื่อกำเนิดมามารดาได้คลอดบุตรออกมาเป็นไข่ ๑,๐๐๐ ฟอง และ ๕๐๐ ปี ต่อมาก็แตกออกมาเป็นพญานาคนี้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อกล่าวถึงนาคแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องครุฑแทรกเข้ามาด้วย คือในขณะเดียวกันกับพวกนาคจะเกิดขึ้นนี้ พระกัสยปเทพบิดรมีชายาอีกนางหนึ่งคือนางวินตา
ซึ่งคาดว่าจะมีเรื่องระหองระแหงกับนางกัทรุมารดาของพวกนาคทั้งที่เป็นพี่น้องกัน สาเหตุนั้นคือเมื่อนางกัทรุตั้งครรภ์ นางขอพรพระกัสยปให้มีโอรสที่มีฤทธิ์หนึ่งพัน พระกัสยป ผู้เป็นพระสวามีก็ให้พรตามที่นางขอ นางวินตาเห็นดังนั้นก็ขอพรบ้าง แต่ขอให้มีโอรสเพียง ๒ องค์ แต่ให้มีฤทธิ์อำนาจเหนือกว่าโอรสของนางกัทรุ ดังนั้นเพียงแค ขอพรก็เห็นได้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่อง เพราะใครคงไม่อยากให้ลูกคนอื่นดีกว่าลูกตนเอง แต่ยังก่อนจนกระทั่งเวลา ผ่านไป ๕๐๐ ปี นางทั้งสองต่างก็คลอดโอรส โดยนางกัทรุคลอดออกมาเป็นนาคทั้งหมด ส่วนนางวินตา คลอดโอรสออก มาเป็นไข่ ๒ ฟอง แต่ยัง ไม่แตกออกมา นางร้อนใจจึงรีบทุบไข่ ฟองหนึ่งออกมา ผลปรากฏว่าไข่ฟองแรกของนางเกิดเป็นพระอรุณเทพบุตร มีรูปร่างใหญ่โต
แต่มีร่างเพียงครึ่งเดียวเพราะ เกิดก่อนกำหนด พระอรุณโกรธแม่มากเลยสาปให้นางวินตาต้องเป็นทาสนางกัทรุ ๕๐๐ ปีจนกว่าโอรสองค์ที่สองคือครุฑ จะถือกำเนิดแล้วจะมา ปลดปล่อยให้เป็นไท ส่วนตนเองก็เหาะขึ้นฟ้าไปเป็น สารถีให้พระอาทิตย์ ต่อมานางกัทรุกับนางวินตาเกิดพนันขันต่อกันขึ้น ( แสดงว่าการพนันมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว) ว่าม้าเทียมรถพระอาทิตย์คือม้าอุจไฉสรพะมีสีอะไร นางวินตาว่ามีสีขาว ส่วนนางกัทรุว่ามีสีดำ ซึ่งความจริงม้านั้นมีสีขาวทั้งตัว นางกัทรุในตอนหลังทราบว่าม้าเทียมรถพระอาทิตย์มีสีขาวก็กลัวจะแพ้พนันเลยให้นาคที่เป็นโอรสไปพ่นพิษใส่จนกลายเป็นสีดำหรือบางตำราก็ว่าให้นาคแปลงตัวไป แทรกขนม้าจนกลายเป็นขนสีดำ พอเช้ามานางวินตาก็ต้องแพ้พนันไปตามระเบียบต้องยอมตัวเป็นทาสตามเดิมพัน จวบจน ๕๐๐ ปี ให้หลังครุฑจึงเกิดมาเป็นพญานกมีฤทธิ์มาก เห็นแม่เป็นทาสก็เลยหาทางช่วยโดยไปต่อรองกับพวกนาคว่าจะขโมยน้ำอมฤตมาให้พวกนาคดื่มเพื่อจะได้เป็นอมตะซึ่งครุฑก็ขโมยมาจากพระอินทร์ได้สำเร็จ”
ข้อมูลจำเพาะ
ลักษณะ : เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมตัดทั้งสี่ด้าน มีห่วงอยู่ด้านบน
ด้านหน้า : เป็นพระรูป ของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภชริมขอบเหรียญ ด้านซ้ายมีอักษรจารึก “ Gh.Suwat D.Fourcade ” ด้านขวา “SUSSEF DES PARIS ”
ด้านหลัง : มีข้อความว่า
“ พระเจ้าลูกยาเธอ
พระองค์เจ้า
อุรุพงษ์รัชสมโภช
ประสูติ
๑๕ ตุลาคม ๑๑๒
สิ้นพระชนม์
๒๐ กันยายน ๑๒๘ ”
ชนิด : ทองขาว
ขนาด : กว้าง 18 มิลลิเมตร ยาว 29 มิลลิเมตร
ลักษณะของยู่อี่ ยู่อี่ (หยู่อี่, หรือ หยูอี้) หมายถึงคทา อันเป็นเครื่องยศชั้นสูงที่จักรพรรดิทรงมอบให้กับขุนนางผู้ใกล้ชิด หรือพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ แสดงถึงความมีวาสนา ใช้ประดับเหรียญที่ระลึกซึ่งพระราชทานเป็นรางวัล ในการประกวดเครื่องโต๊ะบูชา หรือใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง ในการจัดเครื่องโต๊ะบูชา
ด้านหน้า ทำจากแผ่นเงินเคลือบกะไหล่ทอง เป็นวิมานทรงเก๋งจีน ประทับอยู่บนก้อนเมฆ เจาะช่องตรงกลางเพื่อแสดงตัวเหรียญที่ระลึกฯ ในก้อนเมฆด้านล่างเก๋งจีน มีตัวเลขไทยอ่านกลับ จากขวาไปซ้ายว่า ๑๒๘ ซึ่งเป็นปีที่สิ้นพระชนม์
ด้านหลัง ช่องตรงกลางทำเป็นกรอบรางรับตัวเหรียญ ด้านบนยอดมีห่วง ด้านล่างตรงก้อนเมฆมีท่อทรงกระบอกขนาดเล็กสำหรับยึดเสียบกับตัวก้าน เพื่อใช้ปักบนกระถางธูป
พ.ศ.๒๔๕๓ ตลับเงินที่ระลึกงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕ และเหรียญหนวด ช้างสามเศียร
ผลิตขึ้นตามพระราชบัญัติมาตราทองคำ ร.ศ.๑๒๗ เพื่อใช้หมุนเวียนแทนเงินตรารุ่นเก่า สั่งผลิตจากโรงกษาปณ์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส จำนวน ๑,๐๓๖,๖๙๑ เหรียญ ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตรทางเบื้องขวาฉลองพระองค์เต็มยศทหารมหาดเล็ก มีอักษรพระปรมาภิไธย “ จุฬาลงกรณ์ สยามินทร์ ” ที่รอบขอบเหรียญ เหนือพระอังสาเบื้องซ้ายมีชื่อของผู้แกะสลักแม่แบบ A.PATEY ( AUGUSTE PATEY ) ด้านหลังเป็นรูปช้างสามเศียร มีอักษร “ สยามรัฐ ” “ ร.ศ.๔๑ ๑๒๗ ” และมีตัวอักษรบอกราคา “ หนึ่งบาท ” วงขอบนอกมีเฟือง ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “ เหรียญหนวด ” เพราะพระองค์ทรงไว้พระมัตสุที่งดงามมาก รูปช้าง ๓ เศียร หมายถึง สยามเหนือ สยามกลาง สยามใต้ เลข ๔๑ บน ร . ศ . หมายความว่า ได้ครองราชย์มา ๔๑ ปีแล้ว
ตัวอย่างตลับเงินที่ระลึกงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕
เหรียญเงินหนึ่งบาทร.ศ.๑๒๗ สั่งเข้ามายังไม่ได้ประกาศใช้ พอดีผลัดแผ่นดินใหม่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเหรียญนี้เป็นที่ระลึกในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี ร . ศ . ๑๒๙ ผู้ที่ได้รับพระราชทานแล้ว โปรดฯให้ไปรับกรอบที่จะใส่เหรียญนั้นที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ สำหรับฝ่ายในชั้นผู้ใหญ่ ได้รับพระราชทานตลับเงินใหญ่มีเหรียญอยู่ด้านหน้าตลับ ๒ เหรียญ สำหรับฝ่ายในชั้นผู้น้อยได้รับพระราชทานตลับเงินเล็กมีเหรียญบนฝาตลับเหรียญเดียว
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่สังเกตเห็นได้ก็คือขอบเฟืองเป็นสันตรงไม่โค้งหรือเป็นขอบกระด้ง กล่าวคือขอบเหรียญจะไม่ถูกลบคมทั้ง 2 ด้านจนโค้งมนนั่นเอง ขอบเหรียญแต่ละด้านมีลักษณะยกตัวเล็กน้อยเป็นเทคนิคของผู้ออกแบบเพื่อรักษาผิวทั้ง 2 ด้านมิให้สึกหรอได้ง่าย
เหรียญที่นำรูปมาลงให้ดูนี้ มีร่องรอยการทำความสะอาดผิวเหรียญมาแต่เดิม แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นเหรียญหนวดที่มีสภาพสมบูรณ์ และสวยงามมากเหรียญหนึ่งครับ
เหรียญอื่นๆ
ข้อมูลจำเพาะ
ลักษณะ เป็นเหรียญกษาปณ์ กลม แบน ขอบมีเฟือง
ด้านหน้า เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตรทางเบื้องขวาฉลองพระองค์เต็มยศทหารมหาดเล็ก มีอักษรพระปรมาภิไธย “ จุฬาลงกรณ์ สยามินทร์ ” ที่รอบขอบเหรียญ เหนือพระอังสาเบื้องซ้ายมีชื่อของผู้แกะสลักแม่แบบ A.PATEY ( AUGUSTE PATEY )
ด้านหลัง เป็นรูปช้างสามเศียร มีอักษร “ สยามรัฐ ” “ ร . ศ . ๔๑ ๑๒๗ ” และมีตัวอักษรบอกราคา “ หนึ่งบาท ” วงขอบนอกมีเฟือง รูปช้าง ๓ เศียร หมายถึง สยามเหนือ สยามกลาง สยามใต้ เลข ๔๑ บน ร . ศ . หมายความว่า ได้ครองราชย์มา ๔๑ ปีแล้ว
ชนิด เงิน
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 มิลลิเมตร หนัก ๑๕ กรัม
พ.ศ.๒๔๕๓ (ร.ศ.๑๒๙) เหรียญรางวัลการแสดงกสิกรรม แล พานิชการ ร.ศ. ๑๒๙
พ.ศ.๒๔๕๓ เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเศก ครั้งที่ ๑
สร้างเป็นที่ระลึกในพระราชพิธีบรมราชาภิเศก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2453 เนื่องอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2454 จึงได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเศกสมโภชอีกครั้งหนึ่ง
ลักษณะ เป็นรูปเสมา ขอบหยักเป็นรูปกระหนก ด้านบนมีห่วง
ด้านหน้า เป็นพระปรมาภิไธยย่อ “วปร” อยู่ภายใต้พระมหามงกุฎ กระหนาบซ้ายขวาด้วยลายกระหนก
ด้านหลัง มีข้อความว่า
“งานบรมราชาภิเศก
สมเด็จ
พระปรเมนทรมหาวชิราวุธ
พระมงกุฏเกล้า
เจ้าอยู่หัว
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน
รัตนโกสินทร์ ศก๑
๑๒๙”
ชนิด ทองคำ เงิน
ขนาด กว้าง 27 มิลลิเมตร ยาว 34 มิลลิเมตร
สร้าง พ.ศ.2453